เมื่อเร็วๆ นี้ โอเอซิสได้รับความสนใจบนโซเชียลมีเดียว่าเป็น "เกมวิดีโอ AI" แรกของโลกที่สามารถตอบสนองต่อการป้อนข้อมูลที่ซับซ้อนของผู้ใช้ได้ในเวลาจริง หากคุณสนใจ โค้ดเวอร์ชันท้องถิ่นที่ถูกปรับลดมีอยู่บน GitHub รายละเอียดเพิ่มเติมและพื้นหลังสามารถพบได้ในบทความของโครงการ ซึ่งกล่าวถึงศักยภาพและข้อจำกัดต่างๆ เราเชื่อว่าผู้สร้างเน้นความสามารถในการจัดการการป้อนข้อมูลที่ซับซ้อนของผู้ใช้ เช่น การเคลื่อนไหวของเมาส์และการจัดการสินค้า เป็นจุดสำคัญที่แยกจาก DOOM ที่สร้างโดย AI ซึ่งแสดงให้เห็นแนวคิดที่ว่าเครื่องกำเนิดภาพโดย AI สามารถทำงานเป็นเอนจินเกมในเวลาจริงได้ในบางส่วน เครื่องกำเนิดภาพทำหน้าที่เป็นเครื่องพยากรณ์ ด้วยการให้โมเดลที่ผ่านการฝึกฝนมีประวัติการณ์ล่าสั้นๆ บวกกับการป้อนข้อมูลของผู้ใช้เป็นบริบท ระบบสามารถสร้างการคาดการณ์ที่ใช้งานได้อย่างรวดเร็วว่าอะไรควรเกิดขึ้นต่อไป ทำให้เกิดการโต้ตอบได้ วงจรนี้สามารถสร้างคลิปที่น่าประทับใจสำหรับโซเชียลมีเดีย นี่เป็นไอเดียที่น่าสนใจ และเราขอชมเชยความคิดสร้างสรรค์ในการปรับเครื่องกำเนิดภาพสำหรับวัตถุประสงค์นี้ แต่ข้อจำกัดก็ปรากฏชัดเจน หากคุณหยุดหรือสำรวจพื้นที่ที่มืดหรือซ้ำซาก ระบบจะติดขัดไปสู่สถานะ "เหมือนฝันแต่บกพร่อง"
โอเอซิส: วิดีโอเกม AI แรกของโลกที่โต้ตอบกับผู้ใช้ได้แบบเรียลไทม์
กูเกิลคลาวด์ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญกับ Anthropic บริษัทด้านปัญญาประดิษฐ์ชั้นนำ เพื่อขยายการใช้งานชิป TPU (Tensor Processing Unit) ของกูเกิลในการฝึกอบรมเวอร์ชันใหม่ของโมเดล AI ของ Anthropic ข้อตกลงนี้เน้นย้ำความร่วมมือระหว่างสองบริษัทในการผลักดันเทคโนโลยี AI ด้วยการใช้โครงสร้างพื้นฐานคลาวด์คอมพิวติ้งที่ทรงพลัง โดย Anthropic จะได้รับสิทธิ์เข้าถึงชิป TPU จากกูเกิลคลาวด์จำนวนสูงสุดถึงหนึ่งล้านชิป ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการฝึกอบรมโมเดล AI ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของผลิตภัณฑ์ของบริษัท ชิป TPU ที่พัฒนาโดยกูเกิลเป็นฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่ช่วยเร่งความเร็วในการทำงานของการเรียนรู้ของเครื่อง ด้วยประสิทธิภาพที่รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากกว่าตัวประมวลผลทั่วไป Anthropic ได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานของกูเกิลคลาวด์สำหรับงานวิจัยและพัฒนา AI อยู่แล้ว และข้อตกลงนี้ยิ่งลึกซึ้งเข้าไปอีก ทำให้สามารถฝึกอบรมในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ครีชชณา Rao รองประธานฝ่ายการเงินของ Anthropic แสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับความร่วมมือเชิงกลยุทธ์นี้ โดยเน้นประโยชน์ที่ลูกค้าจะได้รับ ตั้งแต่บริษัทในกลุ่ม Fortune 500 ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีล้ำสมัย การใช้ TPUs ของกูเกิลจะช่วยยกระดับวงจรนวัตกรรมของ Anthropic ให้สามารถสร้าง AI ที่ทรงพลัง มีประสิทธิภาพ และเชื่อถือได้มากขึ้น ความร่วมมือนี้ได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของกูเกิลและโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ที่ผ่านการพิสูจน์แล้ว ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งและสามารถขยายขนาดได้ตามความต้องการ เหมาะสำหรับการฝึกอบรม AI ในระดับใหญ่ๆ ข้อตกลงนี้ยังช่วยเร่งความสามารถในการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้ในระดับโลกของ Anthropic นอกจากฮาร์ดแวร์แล้ว กูเกิลคลาวด์ยังมีการสนับสนุนแบบครบวงจร ทั้งการจัดการข้อมูล ความปลอดภัย และเฟรมเวิร์กการเรียนรู้ของเครื่อง ซึ่งช่วยให้ Anthropic มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาส่วนสำคัญของ AI โดยไม่ต้องกังวลเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน โทมัส คูเรียน ซึ่งดำรงตำแหน่งซีอีโอของกูเกิลคลาวด์ เน้นว่าความร่วมมือนี้เป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นของกูเกิลในการนวัตกรรมด้าน AI โดยเขากล่าวว่าการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูงและความร่วมมือกับผู้นำเช่น Anthropic เป็นกุญแจสำคัญในการกำหนดอนาคตของ AI การร่วมมือกันนี้สะท้อนถึงพันธกิจของกูเกิลคลาวด์ในการช่วยเหลือนักพัฒนาและบริษัทต่างๆ สร้างแอปพลิเคชัน AI ที่เปลี่ยนแปลงโลก ด้วยกัน พวกเขามุ่งหวังก้าวข้ามขีดจำกัดของ AI และสร้างโซลูชันที่มีผลกระทบต่ออุตสาหกรรม ข้อตกลงนี้ยืนยันว่าน้ำหนึ่งในความเป็นผู้นำของกูเกิลคลาวด์ด้านบริการคลาวด์ AI และช่วยให้ Anthropic สามารถแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อม AI ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยการขยายการเข้าถึง TPU จะช่วยให้พัฒนารุ่น Claude ที่ซับซ้อนมากขึ้น เช่น การเข้าใจภาษา การวิเคราะห์เหตุผล และประสิทธิภาพโดยรวม การเพิ่มพลังคอมพิวเตอร์นี้จะเร่งความเร็วในการฝึกอบรม ช่วยให้สามารถทดลองสิ่งใหม่ ๆ ได้เร็วขึ้นและสร้างคุณสมบัติใหม่ๆ ได้รวดเร็วขึ้น ความร่วมมือนี้ยังสะท้อนแนวโน้มในอุตสาหกรรมที่มากขึ้นในการร่วมมือกันระหว่างผู้ให้บริการคลาวด์และบริษัทด้าน AI ซึ่งเป็นการผสานความเชี่ยวชาญด้านการวิจัย AI กับโครงสร้างพื้นฐานขั้นสูง เพื่อการขยายการใช้งาน AI อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้เป็นการตั้งมาตรฐานเทคโนโลยีใหม่ๆ โดยสรุป ข้อตกลงระหว่างกูเกิลคลาวด์และ Anthropic เป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาและนำ AI ไปใช้ ด้วยการเข้าถึงชิป TPU สูงสุดหนึ่งล้านชิป Anthropic จะสามารถเร่งนวัตกรรมของตนเองและส่งมอบโซลูชัน AI ขั้นสูง การลงทุนอย่างต่อเนื่องของกูเกิลคลาวด์ในโครงสร้างพื้นฐาน AI และความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ จะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตของ AI ช่วยให้เกิดนวัตกรรมและแอปพลิเคชันที่เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจและสังคมทั่วโลก
เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2025 ระหว่างการประท้วง “No Kings” ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เผยแพร่วิดีโอที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นที่ถกเถียงกันบนแพลตฟอร์ม Truth Social ของเขา วิดีโอแสดงให้เขาขับเครื่องบินขับไล่ในขณะสวมมงกุฎ สัญลักษณ์ของตนเองในฐานะกษัตริย์ ในวิดีโอ เครื่องบินปล่อยของเหลวสีน้ำตาลลงบนกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งเป็นที่เข้าใจในวงกว้างว่าเป็นอุจจาระ นอกจากนี้ ยังมีภาพของผู้ประท้วงและผู้มีอิทธิพลฝ่ายซ้าย Harry Sisson ปรากฏอยู่ในกลุ่มคน วิดีโอนี้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง นักวิจารณ์ประณามภาพที่ไม่มืออาชีพและเป็นการกระตุ้นความขัดแย้ง รัฐสภาฝ่ายนิติบัญญัติฝ่ายค้านนำโดย Hakeem Jeffries ได้ประณามการกระทำของประธานาธิบดีในฐานะความไม่เป็นมืออาชีพที่เกินสมควรและเป็นอันตรายต่อเกียรติของตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ก็เตือนถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากพฤติกรรมดังกล่าวของผู้นำประเทศบนแพลตฟอร์มสาธารณะ วิดีโอนี้ใช้เพลง “Danger Zone” โดย Kenny Loggins ซึ่งเป็นเพลงที่โดดเด่น แต่ไม่ได้รับอนุญาตจากนักร้อง Loggins ได้ออกแสดงความไม่พอใจอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับการใช้งานโดยไม่ได้รับอนุญาตนี้ ซึ่งก่อให้เกิดข้อกังวลด้านจริยธรรมและกฎหมายเกี่ยวกับการนำเนื้อหาลิขสิทธิ์มาใช้ในบริบททางการเมืองโดยไม่ได้รับความยินยอม ในทางกลับกัน Mike Johnson ประธานสภาผู้แทนราษฎรได้ป้องกันทรัมป์ โดยมองว่าวิดีโอนี้เป็นคำวิจารณ์ทางการเมืองแนวเสียดสีที่สร้างขึ้นโดยเทคโนโลยี AI เพื่อสื่อสารความเห็นเกี่ยวกับการประท้วง มากกว่าจะสนับสนุนการกระทำอันเป็นอันตรายใดๆ การสืบสวนเพิ่มเติมพบว่าการผลิตวิดีโอครั้งนี้มาจากเครื่องสร้างมีมด้านขวาโดยใช้ AI ซึ่งมีลายน้ำแสดงชื่อผู้ใช้งาน "@xerias_x" รูปโปรไฟล์ของบัญชีนี้เป็นภาพทรัมป์ในฐานะ Pepe the Frog ซึ่งเป็นมีมที่เต็มไปด้วยสัญลักษณ์ทางการเมืองอันเป็นที่ถกเถียง ทำให้เกิดความซับซ้อนในการรับรู้และการตีความของวิดีโอในวงกว้าง ในก้าวที่ไม่เคยมีมาก่อน วิดีโอถูกแชร์ไม่เพียงแต่บนบัญชีโซเชียลมีเดียส่วนตัวของประธานาธิบดีเท่านั้น แต่ยังเผยแพร่ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียทางการของรัฐบาลสหรัฐด้วย ซึ่งกระตุ้นให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับความเหมาะสมของแพลตฟอร์มรัฐบาลในการเผยแพร่เนื้อหาที่มีฝ่ายการเมืองหรือเป็นไฟไหม้ความขัดแย้ง เหตุการณ์นี้สร้างความสนใจในวงกว้างเกี่ยวกับจริยธรรมของการใช้ AI ในการสนทนาทางการเมือง โดยตั้งคำถามถึงกฎระเบียบเกี่ยวกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI ความรับผิดชอบของบุคคลสาธารณะที่เผยแพร่เนื้อหาเหล่านี้ และผลกระทบต่อความไว้วางใจของประชาชนและความลึกซึ้งของความแตกแยกในสังคม การประท้วง “No Kings” เองเป็นขบวนการที่สนับสนรัชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการ และเน้นความรับผิดชอบจากผู้นำ ซึ่งได้สร้างแรงกระเพื่อมให้กับกลุ่มผู้สนับสนุนและผู้มีอิทธิพลต่าง ๆ เพิ่มความเข้มแข็งให้กับการเมืองระดับประเทศ ท้ายที่สุด วิดีโอที่สร้างโดย AI ของประธานาธิบดีทรัมป์สะท้อนให้เห็นถึงจุดตัดของเทคโนโลยี การเมือง และวัฒนธรรมในปี 2025 ซึ่งเป็นเครื่องเตือนใจทั้งความเป็นไปได้และความท้าทายของเทคโนโลยี AI ที่เกิดขึ้นใหม่ในการสร้างเรื่องเล่าในที่สาธารณะและการมีส่วนร่วมทางการเมือง ความขัดแย้งที่ตามมาชี้ให้เห็นถึงความเร่งด่วนในการพิจารณาจรรยาบรรณเกี่ยวกับบทบาทของ AI เมื่อถูกนำมาใช้โดยผู้นำที่มีอิทธิพลในเวทีสาธารณะ
ลิ่ว หลิวหง, เลขาธิการกลุ่มผู้นำพรรคและผู้อำนวยการสำนักข้อมูลแห่งชาติ ได้ดำเนินการสำรวจอย่างละเอียดในบริษัทเทคโนโลยีอัจฉริยะชั้นนำสองแห่ง ได้แก่ บริษัท รีแมน อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี จำกัด และ บริษัท แกแล็กซี่ ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ จำกัด การเยือนครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสำนักข้อมูลแห่งชาติในการพัฒนาและประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะด้านปัญญาที่มีร่างกาย (embodied intelligence) ซึ่งเป็นการบูรณาการ AI เข้ากับหุ่นยนต์ทางกายภาพ เพื่อสร้างเครื่องจักรที่สามารถโต้ตอบกับโลกแห่งความเป็นจริงได้ ในระหว่างการสำรวจ ลิ่ว เน้นย้ำบทบาทสำคัญของข้อมูลชุดคุณภาพสูงในการก้าวหน้าของ AI เขาอธิบายว่าไม่ว่าจะขยายแนวคิด “AI+” ไปในด้านใด—การผสมผสาน AI เข้ากับภาคส่วนใด—จำเป็นต้องมีความพยายามร่วมกันในการสร้างและพัฒนาข้อมูลชุดชั้นเยี่ยม ข้อมูลถือเป็นทรัพยากรพื้นฐานที่จำเป็นต่อการสร้างนวัตกรรมและความก้าวหน้าในด้านปัญญาที่มีร่างกาย ภายใต้ความนำของลิ่ว สำนักงานข้อมูลแห่งชาติมุ่งหวังที่จะมีบทบาทสำคัญในด้านนี้ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาและจัดหา ข้อมูลชุดคุณภาพสูงที่เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปัญญาที่มีร่างกาย กลยุทธ์นี้มุ่งเป้าถึงการเร่งให้ภาคส่วนนี้เปลี่ยนผ่านจากการวิจัยสู่การใช้งานในเชิงพาณิชย์จริง แนวทางสำคัญหนึ่งของกลยุทธ์นี้คือการส่งเสริมการมาตรฐาน การใช้งานได้จริง และการแปรรูปข้อมูลทั้งในด้านจำลองและข้อมูลในโลกแห่งความเป็นจริง การมาตรฐานเป็นการรับรองว่าข้อมูลชุดนั้นเป็นไปตามแนวปฏิบัติที่กำหนดไว้ เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกันได้อย่างไร้รอยต่อ ในขณะที่ความสามารถในการใช้งานได้จริงเป็นการรับประกันว่าข้อมูลมีความเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในโลกจริง ซึ่งจะช่วยให้โมเดล AI ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การแปรรูปข้อมูลเป็นการเปลี่ยนข้อมูลชุดให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีคุณค่า ที่สนับสนุนกระบวนการธุรกิจ นวัตกรรม และความสามารถในการแข่งขันในตลาดโดยตรง โดยการพัฒนาทรัพยากรข้อมูลเหล่านี้ สำนักงานข้อมูลแห่งชาติมุ่งหวังที่จะเปิดเส้นทางใหม่ในการนำข้อมูลไปสู่การตลาดและการเพิ่มมูลค่าให้สูงสุด เพื่อให้ภาคธุรกิจสามารถนำข้อมูลเชิงลึกไปใช้ปรับปรุงการดำเนินงานและพัฒนาสินค้าและบริการที่นวัตกรรมใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในระหว่างการเยือน ลิ่ว ได้สนทนากับผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและตัวแทนจากบริษัทต่าง ๆ เพื่อเข้าใจถึงความท้าทายและโอกาสในด้านเทคโนโลยีอัจฉริยะ การสนทนาเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการร่วมมือกันระหว่างรัฐบาล สถาบันวิจัย และภาคเอกชน เพื่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลที่แข็งแกร่งและส่งเสริมสิ่งแวดล้อมที่เอื้อต่อการนวัตกรรม บริษัท รีแมน อินเทลลิเจนท์ เทคโนโลยี และ แกแล็กซี่ ยูนิเวอร์แซล โรบอทส์ ถือเป็นผู้นำด้านการบูรณาการ AI กับหุ่นยนต์ ซึ่งเชี่ยวชาญในระบบอัจฉริยะที่สามารถทำงานซับซ้อน แม่นยำ และปรับตัวได้ดียิ่งขึ้น ข้อมูลจากบริษัทเหล่านี้จะเป็นข้อมูลเชิงนโยบายที่จะช่วยสนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืนของด้านปัญญาที่มีร่างกายของสำนักข้อมูลแห่งชาติ การเยือนครั้งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงภาคส่วนดั้งเดิมและมีส่วนในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ โดยการเน้นข้อมูลชุดคุณภาพสูง สำนักงานข้อมูลแห่งชาติจึงวางตัวเป็นกลไกสำคัญในการสนับสนุนความก้าวหน้าทางนวัตกรรม ทำให้จีนยังคงเป็นแนวหน้าของความก้าวหน้าในด้าน AI และหุ่นยนต์อย่างต่อเนื่อง ในอนาคต สำนักงานวางแผนที่จะดำเนินโครงการเป้าหมายเพื่อเร่งพัฒนาข้อมูลชุด รวมถึงการส่งเสริมความร่วมมือในการแบ่งปันข้อมูล การลงทุนในเทคโนโลยีการเก็บรวบรวมและประมวลผลข้อมูลขั้นสูง และการสร้างกรอบการทำงานที่รับรองความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล ความพยายามเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างระบบนิเวศที่มีชีวิตชีวา ที่ข้อมูลเป็นแรงขับเคลื่อนของแอปพลิเคชัน AI ล่าสุดในด้านหุ่นยนต์และด้านอื่น ๆ สรุปแล้ว การสำรวจของลิ่ว หลิวหง เมื่อเร็ว ๆ นี้ ยืนยันทิศทางเชิงกลยุทธ์ของความสำคัญของข้อมูลชุดคุณภาพสูงในบริบท AI+ และเป็นการวางรากฐานเพื่อพัฒนาปัญญาที่มีร่างกายให้เข้มแข็งมากขึ้น ด้วยการมุ่งเน้นไปที่การมาตรฐานข้อมูล การใช้งานได้จริง และการแปรรูปข้อมูล สำนักงานข้อมูลแห่งชาติมุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสามารถให้กับภาคธุรกิจในการนวัตกรรมอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อผลักดันความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต
Otterly
รายงานล่าสุดของ MarketsandMarkets ชี้ให้เห็นถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วในตลาดปัญญาประดิษฐ์ (AI) สำหรับการขายและการตลาด โดยคาดการณ์ว่าจะเพิ่มจาก 57
แอลลี่ เคลลี่ หนึ่งในประธานการตลาด (CMO) ของ Intentsify สำรวจว่าปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงการใช้ข้อมูลเจตนา (intent data) อย่างไร และเปิดโอกาสในการสร้างความแม่นยำในตลาด B2B ซึ่งบทความนี้เผยแพร่ครั้งแรกใน Insight Jam ชุมชนด้านไอทีระดับองค์กรที่สนับสนุนการสนทนาเกี่ยวกับมนุษย์และ AI บทความนี้เน้นให้เห็นบทบาทของ AI ที่เปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยเฉพาะในตลาด B2B ซึ่งเปลี่ยนกลยุทธ์และโมเดลธุรกิจใหม่ไปอย่างสิ้นเชิง โดยทั่วไป นักการตลาด B2B ยึดข้อมูลเจตนาเพื่อระบุผู้ซื้อที่เป็นไปได้และปรับแต่งแคมเปญให้ตรงจุด AI ช่วยเสริมตรงนี้โดยการวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากเพื่อค้นหาแพทเทิร์นที่แม่นยำและบริบทผู้ซื้อที่สมบูรณ์ขึ้น ซึ่งช่วยให้นักการตลาดเข้าใจตำแหน่งของกลุ่มผู้ซื้อในวงจรการขายได้ดีขึ้น ทำให้สามารถสร้างแคมเปญในระดับขยายได้และเน้นกลุ่มเป้าหมายได้อย่างแม่นยำมากขึ้น เมื่อการซื้อเปลี่ยนจากบุคคลเป็นกลุ่มภายในภูมิทัศน์ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลง AI-driven intent data จึงกลายเป็นกลไกสำคัญสำหรับความสำเร็จของกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาด (GTM) **ความท้าทายในปัจจุบันของข้อมูลเจตนาในตลาด B2B** หลายทีม B2B ประสบปัญหาในการสร้างผลตอบแทนสูงสุดจากข้อมูลเจตนา เนื่องจากขาดความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับวิธีที่สัญญาณจากผู้ซื้อถูกนำมาใช้ คิดคะแนน และจัดหมวดหมู่ ข้อมูลเจตนามักมาจากแหล่งที่หลากหลาย และขาดความโปร่งใส ทำให้กลายเป็นซิลโอส์ ลดความสามารถในการสร้างโมเดลผู้ซื้อลงด้วย สินค้าหรือบริการในวงจรการซื้อที่ซับซ้อนและนานขึ้น ทำให้เวลาที่เหมาะสมและความเข้าใจในปฏิสัมพันธ์ของผู้ซื้อเป็นเรื่องสำคัญ งานวิจัยของ Forrester ระบุว่า 81% ของผู้ซื้อไม่พอใจประสบการณ์การซื้อ B2B และบริการของผู้ขาย ซึ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการใช้แนวทางที่ขับเคลื่อนด้วยความแม่นยำของข้อมูลเจตนา ในขณะเดียวกัน 75% ของผู้ซื้อ B2B ต้องการประสบการณ์การขายที่ไม่มีตัวแทน ซึ่งเป็นการเน้นความสำคัญของการสร้างคุณค่าในทุกการติดต่อกับผู้ซื้อ **ผลกระทบของ AI ต่อข้อมูลเจตนาในตลาด B2B** ข้อมูลเจตนาแบบเดิมใช้ตัวชี้วัดแบบคงที่ เช่น การเข้าชเว็บไซต์และการกรอกแบบฟอร์ม แต่ AI จะวิเคราะห์พฤติกรรมและบริบทแบบเรียลไทม์ การเปลี่ยนจากข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ที่เป็นการตอบสนองไปเป็นการวิเคราะห์แนวโน้มล่วงหน้า นำมาซึ่งประโยชน์หลายด้าน เช่น: - *การวิเคราะห์ข้อมูลด้วย AI*: AI คัดกรองข้อมูลเจตนาที่มีปริมาณมาก เพื่อลดเสียงรบกวนและให้ข้อมูลเชิงลึกที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งสนับสนุนการมีส่วนร่วมที่เน้นเป้าหมายและกลยุทธ์ของทีมการตลาดและฝ่ายขาย - *การสร้างโมเดลเจตนาให้ระดับโซลูชัน*: แทนที่จะมองภาพกว้างแบบหมวดหมู่ AI จะประเมินความสำคัญของแต่ละพฤติกรรมเพื่อให้ข้อมูลลึกซึ้งเกี่ยวกับบัญชีลูกค้า กลุ่มผู้ซื้อ หรือบุคลิกภาพ - *คุณภาพของข้อมูลเพื่อความตั้งใจของลูกค้า*: แทนที่จะใช้เมตริกจากปริมาณ เช่น การคลิก AI จะจดจำรูปแบบพฤติกรรมเพื่อตรวจสอบความเป็นไปได้ในแต่ละขั้นของการเดินทางของผู้ซื้อและระดับความสนใจได้แม่นยำมากขึ้น **การเพิ่มผลตอบแทนจากข้อมูลเจตนาโดยใช้ AI** เพื่อให้สามารถใช้ข้อมูลเจตนาเชิง AI อย่างเต็มที่และปรับปรุงกลยุทธ์ GTM ให้ดีขึ้น นักการตลาดและฝ่ายขายต้องทำงานร่วมกันโดยการบูรณาการข้อมูลเข้าสู่ระบบ CRM เมื่อเลือกใช้ผู้ให้บริการข้อมูลเจตนา ควรพิจารณาดังนี้: 1
แอพพลัววิน แอป กำลังเดินทางสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่บริษัทเร่งพัฒนาตัวเองจากบริษัทเกมมือถือสู่พลังงานโฆษณาที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยี AI บริษัทได้เปลี่ยนชื่อแบรนด์และขยายแผนกโฆษณาภายใต้ชื่อ Axon ซึ่งเป็นสัญญาณของก้าวสำคัญด้านการตลาดเชิงประสิทธิภาพที่มีความซับซ้อนมากขึ้น แพลตฟอร์มใหม่ Axon Ads Manager มาพร้อมกับแดชบอร์ดบริการตัวเองที่ช่วยให้นักโฆษณาสามารถสร้าง จัดการ และปรับแต่งแคมเปญได้ด้วยการใช้ AI เพื่อเป้าหมายกลุ่มเป้าหมายและการติดตามผลจากบุคคลที่สาม แอพพลัววินวางตำแหน่ง Axon เป็นทางเลือกที่มุ่งเน้นผลตอบแทนจากการลงทุน (ROI) เป็นสำคัญต่างจากระบบนิเวศโฆษณาหลักของ Meta และ Google ที่ให้ความโปร่งใสมากขึ้นและผลลัพธ์ที่วัดได้ง่าย ปัจจุบัน Axon มีอัตราการใช้จ่ายโฆษณาในตลาดอีคอมเมิร์ซแตะระดับ 1 พันล้านดอลลาร์ โดยลูกค้ารายใหญ่เช่น Wayfair, Dr
Launch your AI-powered team to automate Marketing, Sales & Growth
and get clients on autopilot — from social media and search engines. No ads needed
Begin getting your first leads today