กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ได้ให้ความสำคัญกับโครงการ 'AI+' ซึ่งเป็นแผนยุทธศาสตร์เพื่อส่งเสริมและขยายอุตสาหกรรมใหม่ในจีน โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่ภาคส่วนสำคัญ เช่น ยานยนต์ไฟฟ้าเชื่อมต่ออัจฉริยะ (NEVs) ธุรกิจอวกาศเชิงพาณิชย์ และการผลิตทางชีวภาพ โดยมีเป้าหมายเพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและสีเขียวของภาคการผลิต โครงการ 'AI+' ให้ความสำคัญกับการบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ในหลายสาขาอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีต่าง ๆ MIIT มีเป้าหมายเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมและการเติบโตอย่างยั่งยืน จัดวางจีนให้อยู่ในแนวหน้าของการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งต่อไป ด้วยการเน้นให้ AI เป็นเทคโนโลยีพื้นฐาน โครงการนี้มุ่งหวังที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ปรับปรุงคุณภาพสินค้า และสร้างโมเดลธุรกิจใหม่ หนึ่งในเป้าหมายหลักคืออุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าเชื่อมต่ออัจฉริยะ ซึ่งรวมถึงรถไฟฟ้าและรถไฮบริดที่ติดตั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่อขั้นสูง NEVs กำลังได้รับความนิยมทั่วโลกในการลดการปล่อยคาร์บอนและต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การบูรณาการ AI เข้ากับ NEVs ช่วยให้การดำเนินงานของรถอัจฉริยะมีความฉลาดมากขึ้น ระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูงเพื่อความปลอดภัยที่ดีขึ้น ตลอดจนบริการส่วนบุคคลสำหรับผู้ใช้ การผลักดันให้บูรณาการ AI ในภาคส่วนนี้ของ MIIT มุ่งหวังที่จะเร่งพัฒนารถยนต์อัจฉริยะรุ่นใหม่และส่งเสริมการขนส่งสีเขียว อีกด้านหนึ่งคืออุตสาหกรรมอวกาศเชิงพาณิชย์ ซึ่งมีการเพิ่มขึ้นของการมีส่วนร่วมของภาคเอกชนในการสำรวจและปล่อยดาวเทียม AI มีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของดาวเทียม จัดการการผลิตในอุตสาหกรรมอวกาศ และวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมากที่ได้จากอวกาศ การสนับสนุน AI ในภาคอวกาศเชิงพาณิชย์ของ MIIT มุ่งหวังเพื่อเสริมสร้างศักยภาพเทคโนโลยีอวกาศแห่งชาติ ปรับปรุงอุตสาหกรรม และสร้างตลาดใหม่ การผลิตทางชีวภาพเป็นเสาหลักที่สามของโครงการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับระบบชีวภาพสำหรับผลิตวัสดุ สารเคมี และยา การบูรณาการ AI สามารถเปลี่ยนแปลงวงการนี้โดยเร่งการวิเคราะห์พันธุกรรม ปรับปรุงกระบวนการผลิต และเสริมคุณภาพด้วยการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์ โฟกัสของ MIIT ในการพัฒนาการผลิตทางชีวภาพที่ใช้ AI ช่วยพัฒนายา เกษตรกรรม และการผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยรวมแล้ว กลยุทธ์ 'AI+' ส่งเสริมการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างลึกซึ้งกับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่ดิจิทัลและสีเขียวของอุตสาหกรรม ด้วย AI ซึ่งเป็นเทคโนโลยีหลัก ภาคอุตสาหกรรมจะสามารถเพิ่มประสิทธิภาพทรัพยากร ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงในตลาด ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของจีนในการพัฒนาเศรษฐกิจที่มีคุณภาพสูงและการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืน นอกจากนี้ โครงการยังส่งเสริมให้นวัตกรรมเกิดขึ้นโดยการสนับสนุนความร่วมมือระหว่างอุตสาหกรรม สถาบันวิจัย และหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งรวมถึงการลงทุนในงานวิจัยและพัฒนา การพัฒนาทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีเกิดใหม่ รวมทั้งการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการใช้งาน AI มาตรการด้านนโยบายจะช่วยให้เทคโนโลยี AI สามารถนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์ได้อย่างเต็มที่ เปลี่ยนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีให้เป็นผลประโยชน์ทางอุตสาหกรรมที่เห็นได้ชัด สุดท้ายนี้ ความก้าวหน้าของ MIIT ในโครงการ 'AI+' เป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญในการปรับปรุงและเตรียมความพร้อมให้โลกอุตสาหกรรมของจีนในอนาคต ด้วยการใช้ AI ในการขับเคลื่อนภาคส่วนใหม่อย่างเช่น ยานยนต์ไฟฟ้าเชื่อมต่ออัจฉริยะ อวกาศเชิงพาณิชย์ และการผลิตทางชีวภาพ โครงการนี้มุ่งหวังสร้างระบบอุตสาหกรรมที่มีความยืดหยุ่น นวัตกรรม และยั่งยืน ซึ่งคาดว่าจะไม่เพียงแต่กระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังช่วยส่งเสริมเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อมและเทคโนโลยีระดับโลกอย่างมีนัยสำคัญ
กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) คืบหน้าโครงการ 'AI+' เพื่อเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเกิดใหม่ด้วยปัญญาประดิษฐ์
SOMONITOR เป็นกรอบงานปัญญาประดิษฐ์ที่อธิบายได้อย่างชัดเจนและเป็นนวัตกรรมใหม่ ซึ่งออกแบบมาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมีประสิทธิผลของกลยุทธ์ทางการตลาดโดยผสมผสานสัญชาตญาณของมนุษย์กับความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูง เครื่องมือนี้ทันสมัยนี้ช่วยเหลือนักการตลาดในทุกขั้นตอนของกระบวนการตลาด ตั้งแต่การวางแผนกลยุทธ์เบื้องต้น การสร้างเนื้อหา ไปจนถึงการดำเนินแคมเปญโฆษณา สิ่งสำคัญที่เป็นแกนกลางของฟังก์ชันการทำงานของ SOMONITOR คือโมเดลทำนายและจัดอันดับอัตราการคลิก (CTR) ที่ซับซ้อน ซึ่งออกแบบมาเฉพาะสำหรับเนื้อหาโฆษณา โมเดลนี้ช่วยให้นักการตลาดสามารถประเมินผลการทำงานของโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ช่วยตัดสินใจโดยอิงข้อมูล ซึ่งจะทำให้เกิดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและผลกระทบจากแคมเปญสูงสุด คุณสมบัติสำคัญอีกประการหนึ่งของ SOMONITOR คือการใช้โมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) เพื่อวิเคราะห์และประมวลผลเนื้อหาจากคู่แข่งที่มีผลงานดี การวิเคราะห์เชิงลึกนี้ระบุเสาหลักของเนื้อหา เช่น กลุ่มเป้าหมาย ความต้องการของลูกค้า และคุณลักษณะสำคัญของผลิตภัณฑ์ ซึ่งสามารถสร้างความสอดคล้องและส่งเสริมให้เนื้อหานั้นเป็นที่นิยมในกลุ่มตลาดเป้าหมาย จากนั้น SOMONITOR จัดกลุ่มองค์ประกอบเหล่านี้เข้าเป็นกลุ่มยุทธศาสตร์ที่กว้างขึ้น รวมถึงธีมทางการสื่อสารโดยรวมและบุคคลตัวอย่างของลูกค้าเป้าหมายที่ชัดเจน โดยการผสานข้อมูลเชิงลึกจากการวิเคราะห์คู่แข่งกับข้อมูลด้านผลการดำเนินการจากแคมเปญโฆษณาของแบรนด์เอง SOMONITOR สร้างโครงเรื่องที่น่าสนใจโดยมุ่งเน้นไปที่การเข้าถึงบุคคลตัวอย่างกลุ่มลูกค้าใหม่ผ่านข้อความที่ปรับแต่งเฉพาะและกลยุทธ์การเข้าถึง อีกทั้งยังสร้างรายละเอียดเนื้อหาในรูปแบบของเรื่องราวผู้ใช้ (User Stories) ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำไปปฏิบัติได้สำหรับทีมการตลาดในระหว่างการพัฒนาแคมเปญ การบูรณาการปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถอธิบายได้ใน SOMONITOR ช่วยให้ทีมการตลาดได้รับทั้งเครื่องมือทำนายที่ทรงพลังและความโปร่งใสและความชัดเจนเกี่ยวกับกระบวนการตัดสินใจของ AI ความร่วมมือระหว่างความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์และความเข้มข้นของการวิเคราะห์ด้วย AI นี้เสริมสร้างความสามารถให้กับมืออาชีพด้านการตลาดในการปรับแต่งกลยุทธ์เนื้อหา ให้ความแม่นยำในการกำหนดเป้าหมาย และเพิ่มอัตราการมีส่วนร่วมและเปลี่ยนแปลงของลูกค้าในที่สุด แนวทางของ SOMONITOR เป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในเทคโนโลยีการตลาด โดยให้วิธีการที่ครอบคลุมและสนับสนุนด้วยข้อมูล ซึ่งทำให้ bridging กันระหว่างสัญชาตญาณของมนุษย์และความสามารถของปัญญาประดิษฐ์อัตโนมัติ ในขณะที่นักการตลาดเผชิญกับสิ่งแวดล้อมดิจิทัลที่มีการแข่งขันและซับซ้อนมากขึ้น โครงงานอย่าง SOMONITOR จึงเป็นเครื่องมือที่มีคุณค่า โดยช่วยปรับปรุงกระบวนการพัฒนาแคมเปญและยกระดับคุณภาพและความเกี่ยวข้องของเนื้อหาโฆษณาโดยอัตโนมัติ โดยสรุป SOMONITOR เป็นโซลูชันการตลาดที่ครบถ้วนซึ่งขับเคลื่อนด้วย AI ช่วยระบุปัจจัยสำคัญในตลาดโดยการวิเคราะห์เนื้อหาจากคู่แข่ง ใช้โมเดลทำนายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลการโฆษณา และสนับสนุนการสร้างเรื่องราวที่ละเอียดอ่อนและอิงบุคคลตัวอย่าง ความสามารถในการเปลี่ยนข้อมูลดิบให้กลายเป็นเรื่องราวเชิงกลยุทธ์และแนวทางเนื้อหาที่ใช้งานได้จริง ทำให้เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับทีมการตลาดยุคใหม่ที่มุ่งเน้นการสร้างการมีส่วนร่วมของกลุ่มเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและการเติบโตของแบรนด์ในระยะยาว
ในช่วงเทศกาลวันหยุดปี 2024 การนำแชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ช่วยยกระดับประสบการณ์การช็อปปิ้งออนไลน์ของผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกา ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตามรายงานของ Salesforce เครื่องมือ AI สำหรับการสนทนาเหล่านี้ช่วยเหลือนักช็อปในเรื่องการซื้อสินค้าและการคืนสินค้า ส่งผลให้ยอดขายออนไลน์ปีต่อปีเพิ่มเกือบ 4% ซึ่งเกินกว่าที่ Salesforce คาดไว้ในตอนแรกที่ 2% ยอดขายออนไลน์ของสหรัฐอเมริกาเพิ่มขึ้นจาก 272 พันล้านดอลลาร์เป็น 282 พันล้านดอลลาร์ในช่วงวันที่ 1 พฤศจิกายนถึง 31 ธันวาคม 2024 แม้ร้านค้าจะลดส่วนลดลึกลงก็ตาม ผลงานอันแข็งแกร่งนี้เป็นสัญญาณแสดงให้เห็นว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป โดยมีนักช็อปมากขึ้นที่พึ่งพาเครื่องมือ AI เพื่อช่วยให้การเดินทางช็อปปิ้งในช่วงเทศกาลที่วุ่นวายเป็นไปอย่างราบรื่น การวิเคราะห์ของ Salesforce จากการดูหน้าเว็บถึง 1
OpenAI ผู้นำด้านการวิจัยและพัฒนา AI ได้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับ AMD ซึ่งเป็นผู้ผลิต GPU ประสิทธิภาพสูงชั้นนำ เพื่อเสริมสร้างโครงสร้างพื้นฐาน AI ของตนโดยการรวมชิปกราฟิกขั้นสูงของ AMD เข้าด้วยกัน OpenAI จะซื้อ GPU Instinct MI450 ซึ่งจะเปิดตัวในปี 2026 เป็นส่วนหนึ่งของแผนที่จะกระจายแหล่งซัพพลายฮาร์ดแวร์และลดการพึ่งพา Nvidia ซึ่งเป็นผู้ให้บริการชิป AI ปัจจุบัน ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงความผูกพันที่จะใช้พลังคำนวณถึง 6 กิกะวัตต์ โดยเริ่มต้นที่ 1 กิกะวัตต์ในปี 2026 เน้นให้เห็นถึงความตั้งใจของ OpenAI ในการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ของตนอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ OpenAI ยังได้รับสิทธิ์ในการซื้อหุ้น AMD สูงสุดถึง 160 ล้านหุ้น ซึ่งประมาณ 10% ของหุ้นทั้งหมดของ AMD ซึ่งสามารถใช้สิทธิ์เมื่อบรรลุเป้าหมายด้านผลการดำเนินงานเฉพาะ เพื่อให้สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทั้งสองบริษัท และแสดงความมั่นใจในความสำเร็จของความร่วมมือครั้งนี้ ความร่วมมือนี้เป็นสิ่งที่น่าสังเกตในภาคเทคโนโลยี เนื่องจาก Nvidia เคยครองตลาด GPU สำหรับ AI ทั่วโลก การร่วมมือกับ AMD ของ OpenAI จึงเป็นกลยุทธ์ในการกระจายความเสี่ยง เพื่อเข้าถึงเทคโนโลยีล้ำสมัยและส่งเสริมการแข่งขันในห่วงโซ่อุปทาน หลังจากประกาศ ความนิยมในหุ้น AMD เพิ่มขึ้น 24% สะท้อนความหวังของนักลงทุนเกี่ยวกับบทบาทที่เพิ่มขึ้นของ AMD ในตลาด AI ในขณะที่หุ้น Nvidia ลดลงเล็กน้อยประมาณ 1% ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากการกระจายแหล่งซัพพลายและปัจจัยการแข่งขันในตลาด ความเคลื่อนไหวนี้สะท้อนให้เห็นว่านโยบายความร่วมมือทางด้าน AI ส่งผลต่อมูลค่าหุ้นอย่างมีนัยสำคัญ ความร่วมมือกับ AMD นี้เสริมกับความร่วมมือเมื่อเร็ว ๆ นี้ของ OpenAI กับ Nvidia ซึ่งมีมูลค่าถึง 100 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานคำนวณ AI ขนาดใหญ่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความต้องการพลังการคำนวณอันมหาศาลในการพัฒนาโมเดล AI รุ่นใหม่ นักวิเคราะห์อุตสาหกรรมมองว่าข้อตกลงนี้เป็นหลักฐานของความต้องการด้านทรัพยากรการคำนวณ AI ที่แข็งแกร่ง แม้การชะงักงันด้านโครงสร้างพื้นฐานและซัพพลายเชนในปัจจุบัน ขนาดของพลังการคำนวณในข้อตกลงเหล่านี้สะท้อนความต้องการอันมหาศาลของ AI และความสำคัญเชิงกลยุทธ์ในการหาฮาร์ดแวร์ที่หลากหลายและเชื่อถือได้ นอกจากผลกระทบทางธุรกิจแล้ว ความร่วมมือนี้ยังอาจปฏิวัติวงการฮาร์ดแวร์ AI โดยส่งเสริมให้ผู้ผลิตหลายรายเข้าร่วม กระตุ้นนวัตกรรมผ่านการแข่งขัน และสร้างตลาดที่แข็งแกร่ง ยิ่งไปกว่านั้น ความร่วมมือนี้อาจเป็นแรงจูงใจให้ผู้เล่นในระบบนิเวศ AI รายอื่นมุ่งเน้นกลยุทธ์ด้านฮาร์ดแวร์ที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในตลาด เมื่อ AI ขยายเข้าสู่สาขาต่าง ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ การเงิน ระบบอัตโนมัติ และการประมวลผลภาษาธรรมชาติ ความต้องการพลังการคำนวณอย่างมีประสิทธิภาพและสูงสุดจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งทำให้ความร่วมมืออย่าง OpenAI กับ AMD เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตของอุตสาหกรรมในอนาคต โดยสรุป ความร่วมมือระหว่าง OpenAI กับ AMD ถือเป็นก้าวสำคัญในภาค AI สะท้อนถึงพลวัตการแข่งขันที่เปลี่ยนแปลง ความต้องการด้านฮาร์ดแวร์ที่เพิ่มขึ้น และความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาความสามารถ AI ให้ก้าวล้ำไปข้างหน้า ความร่วมมือนี้เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองบริษัทและมีบทบาทสำคัญในการกำหนดอนาคตโครงสร้างพื้นฐาน AI ซึ่งจะเป็นฐานสนับสนุนการนวัตกรรมระดับโลก
งานวิจัยฉบับสมบูรณ์ล่าสุดโดยกราฟไท์เปิดเผยการเปลี่ยนแปลงสำคัญในกระบวนการสร้างเนื้อหาออนไลน์ โดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) กลายเป็นแหล่งสร้างบทความใหม่ในเว็บไซต์ส่วนใหญ่ การวิเคราะห์ URL จำนวน 65,000 URL ภาษาอังกฤษจากคลังข้อมูล Common Crawl ระหว่างปี 2020 ถึง 2025 แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเนื้อหาที่สร้างโดย AI และแนวโน้มการเผยแพร่ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงไป ผลการศึกษาพบว่า ภายในเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา บทความที่เขียนโดย AI เกินกว่าบทความที่เขียนโดยมนุษย์แล้ว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ปริมาณเนื้อหา AI ได้เข้าสู่ระดับคงที่ ซึ่งบ่งชี้ว่าการเติบโตของมันได้ชะลอลง ถึงแม้บทความ AI จะเป็นแหล่งเนื้อหาส่วนใหญ่ในเนื้อหาใหม่ แต่ความสามารถในการแสดงผลบนเสิร์ชเอนจินยอดนิยมเช่น Google ยังค่อนข้างจำกัด เนื่องจากการปรับแต่งเพื่อให้ค้นหาได้ง่าย (SEO) ของบทความที่เขียนโดยมนุษย์ยังดีกว่า ส่งผลให้อัลกอริธึมการค้นหามักจะให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่เป็นมนุษย์ ซึ่งมักจะมีคุณภาพสูงและสร้างความน่าสนใจมากกว่า การเพิ่มขึ้นของบทความ AI สอดคล้องกับการเปิดตัว ChatGPT ของ OpenAI เมื่อปลายปี 2022 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาอันล้ำยุคที่ทำให้เกิดการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของข้อความที่สร้างโดย AI โดยในเวลาหนึ่งปี เนื้อหาที่สร้างโดย AI ครอบครองเกือบ 40% ของบทความใหม่ นี่สะท้อนให้เห็นถึงการนำเครื่องมือ AI ไปใช้ในองค์กรสื่ออย่างรวดเร็วเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุน โดยการเสริมหรือแทนที่นักเขียนมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เนื้อหา AI มักถูกวิจารณ์ว่าเป็นเนื้อหาที่ไม่มีชีวิตชีวา ซ้ำซาก ขาดความคิดสร้างสรรค์ ความละเอียดอ่อน และความลึกซึ้งที่ปกติจะพบในงานเขียนของมนุษย์ ปัญหาเรื่องวลีที่ซ้ำซ้อนและข้อมูลที่ผิดพลาดบางครั้งก็สร้างความกังวลเกี่ยวกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือของข้อมูลออนไลน์ น่าสนใจที่การศึกษาจากกราฟไท์เสนอว่า นักเผยแพร่บางรายอาจกำลังพิจารณากลยุทธ์ความเป็นอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปริมาณเนื้อหา AI ได้เข้าสู่ระดับคงที่ ซึ่งอาจสะท้อนถึงความระมัดระวังหรือสมดุลในการใช้ AI มากขึ้น เทคโนโลยีตรวจสอบ AI ที่พัฒนาขึ้นทำให้หน่วยงานกำกับดูแล แพลตฟอร์ม และผู้ใช้งานสามารถตรวจจับและคัดกรองเนื้อหาที่สร้างโดย AI ได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ความชื่นชอบของผู้บริโภคต่อบทความที่เป็นของแท้ น่าสนใจ และสร้างสรรค์โดยมนุษย์ ก็ทำให้การยอมรับเนื้อหาคุณภาพต่ำจาก AI มีข้อจำกัด ปัจจุบัน อินเทอร์เน็ตเป็นพื้นที่ผสมผสาน โดย AI ครองปริมาณในระดับสูง แต่การตัดสินใจและความชอบของบรรณาธิการมนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำหนดบทความที่ได้รับความนิยมและความสนใจจากผู้อ่าน ระบบนิเวศน์ที่พัฒนานี้ทำให้ AI เป็นผู้ช่วยที่ทรงพลัง ไม่ใช่การทดแทนความคิดสร้างสรรค์ของมนุษย์ทั้งหมด ในอนาคต ความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาที่สร้างโดย AI และมนุษย์จะมีอิทธิพลต่ออนาคตของสื่อดิจิทัลอย่างมากขึ้น เมื่อโมเดล AI มีความซับซ้อนและสามารถแก้ไขข้อด้อยในด้านความแปลกใหม่และความน่าสนใจได้ดีขึ้น นักสร้างเนื้อหาจะต้องสมดุลระหว่างประสิทธิภาพของ AI กับการรักษามาตรฐานด้านบรรณาธิการที่ตอบสนองความคาดหวังของผู้ชม เพิ่มเติม การพัฒนาเครื่องมือสำหรับตรวจสอบและประเมินคุณภาพเนื้อหา AI อย่างเข้มแข็ง จะเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความโปร่งใสและความน่าไว้วางใจออนไลน์ เครื่องมือเหล่านี้จะช่วยป้องกันข้อมูลเท็จและทำให้แน่ใจว่าเนื้อหา AI เป็นไปตามมาตรฐานจริยธรรมและความเป็นจริง โดยสรุป การศึกษาของกราฟไท์เน้นให้เห็นยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทอย่างมากในกระบวนการสร้างเนื้อหา พร้อมกับความสำคัญของคุณภาพและความแท้จริงที่ยังคงเป็นจุดรวมของความสำเร็จในการเขียนของมนุษย์ อนาคตของบทความออนไลน์จะอยู่ในความร่วมมือระหว่างมนุษย์และเครื่องจักร ซึ่งจะนำเสนอความสามารถในการสร้างสรรค์ร่วมกัน พร้อมทั้งประสิทธิภาพที่ยกระดับขึ้น โดยไม่ละทิ้งความลึกซึ้งและความเข้าใจในเรื่องราวและข่าวสารที่น่าดึงดูดและสร้างสรรค์
คณะกรรมาธิการวุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันแห่งชาติ (NRSC) ได้เปิดตัวกลยุทธ์โฆษณาทางการเมืองรูปแบบใหม่ โดยออกอากาศโฆษณาดิจิทัลความยาว 30 วินาทีที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) สร้างเนื้อหาวิดีโอ โฆษณานี้แสดงภาพจำลองโดย AI ของผู้นำเสียงข้างมากวุฒิสภา ฝ่ายประชาธิปไตย ชัค ชูเมอร์ รวมถึงเสียงและภาพที่สังเคราะห์ขึ้น เขาได้พูดว่า “ทุกวันที่ดีขึ้นสำหรับพวกเราทุกคน” ซึ่งเป็นคำพูดที่ดึงมาจากการสัมภาษณ์ของ Punchbowl News การใช้ AI นี้ชี้ให้เห็นถึงข้ออ้างของ NRSC ที่เชื่อว่าพรรคเดโมแครตอาจได้ประโยชน์จากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วนที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่สร้างความขัดแย้งและส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ ของเศรษฐกิจและการให้บริการสาธารณะของสหรัฐอเมริกา โฆษณานี้ผสมผสานคลิปของ AI ที่สร้างขึ้นของชูเมอร์เข้ากับภาพจริงของเจ้าหน้าที่ทหารอาสาสมัครในห้องอาหาร จ emphasizing ผลกระทบทางสังคมจากการปิดหน่วยงาน นอกจากนี้ยังมีปฏิกิริยาจากประธานาธิบดีและรีพับลิกันในวุฒิสภาที่วิจารณ์ความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคมที่เกิดจากการปิดหน่วยงานเป็นเวลานาน ชุดรวมของส่วนประกอบเทียมและของจริงนี้มีเป้าหมายเพื่อแสดงให้เห็นว่าพรรครีพับลิกันกำลังดำเนินการแก้ไขวิกฤติอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันก็แนะนำว่าพรรคเดโมแครตไม่ใส่ใจหรือใช้โอกาส ใกล้ช่วงปลายของโฆษณา จะเห็นภาพของชูเมอร์ที่สร้างขึ้นโดย AI ที่ยิ้มกว้าง เป็นประเด็นที่จุดชนวนการถกเถียงด้านจริยธรรมเกี่ยวกับภาพเสมือนในทางการเมือง แม้ว่าการโฆษณานี้จะมีคำเตือนเกี่ยวกับการใช้ AI แต่ผู้วิจารณ์ยังคงเชื่อว่ายังอาจทำให้ผู้ชมเข้าใจผิดได้โดยการนำเสนอภาพสมมติที่อาจเข้าใจผิดว่าเป็นเหตุการณ์จริง ซึ่งเป็นการเบลอเส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงและเนื้อหาที่สร้างด้วย AI NRSC ให้ข้อมูลปกป้องโฆษณานี้โดยชี้ว่าคำพูดของ AI ได้มาจากคำแถลงของชูเมอร์เอง และยืนยันว่านี่เป็นกลยุทธ์ที่ถูกต้องตามกฎหมายในการสื่อสารประเด็นการเมืองอย่างชัดเจนในยุคดิจิทัล ผู้สนับสนุนเชื่อว่าการรณรงค์เลือกตั้งต้องปรับตัวไปพร้อมกับเทคโนโลยีเพื่อดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม โฆษณานี้ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับบทบาทของ AI ในทางการเมือง โดยเฉพาะประเด็นข่าวลือเท็จและความกังวลด้านจริยธรรมเกี่ยวกับสื่อเสมือน เนื่องจากเนื้อหาที่สร้างด้วย AI ยิ่งสมจริงและแพร่หลายมากขึ้น นักวิชาการเรียกร้องให้มีมาตรการความโปร่งใสและแนวทางกฎระเบียบเพื่อป้องกันการใช้งานผิดวัตถุประสงค์ที่อาจทำให้ภาพลักษณ์สาธารณะเข้าใจผิดหรือชักจูงผู้ลงคะแนนเสียง การบูรณาการ AI เข้าสู่โฆษณาทางการเมืองแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงสำคัญในวิธีการรณรงค์ โดยเปิดโอกาสในการสร้างสรรค์ใหม่ ๆ แต่ก็ยังมีความท้าทายเกี่ยวกับความแท้จริง ความยินยอม และการรักษาความซื่อสัตย์ของการอภิปรายทางการเมือง เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญโดยเฉพาะในสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงที่เกิดจากการปิดหน่วยงานรัฐบาลบางส่วน ซึ่งทำให้หน่วยงานของรัฐบาลกลางหยุดชะงักและส่งผลกระทบต่อประชาชนและบริการสาธารณะจำนวนมาก ทั้งสองฝ่ายกล่าวโทษกันและกันสำหรับความล้มเหลวนี้ โดยแต่ละฝ่ายพยายามชักชูความคิดเห็นของสาธารณะ ด้วยการใช้ AI เพื่อเน้นย้ำจุดยืนของตน NRSC หวังให้มองว่าพรรคเดโมแครตได้ประโยชน์จากการปิดหน่วยงานในขณะที่พรรครีพับลิกันเป็นผู้รับผิดชอบในการแก้ไขปัญหา โฆษณานี้แสดงให้เห็นถึงความซับซ้อนในการสื่อสารทางการเมืองที่เพิ่มขึ้น และเน้นความสำคัญที่เพิ่มขึ้นของเทคโนโลยีดิจิทัลและ AI ในการกำหนดแนวทางการถกเถียงในสาธารณะ ขณะที่การหาเสียงเลือกตั้งพัฒนาขึ้น อิทธิพลของเทคโนโลยีเหล่านี้ต่อความคาดหวังของผู้มีสิทธิเลือกตั้งและกระบวนการประชาธิปไตยจะยังคงเป็นหัวข้อที่ต้องการการตรวจสอบและสนทนาอย่างต่อเนื่อง
ยักษ์ค้าปลีก Walmart ได้รับรู้ถึงความสำคัญของปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ (AI) อย่างเต็มที่ ส่งเสริมให้พนักงานทั่วทั้งบริษัทนำเครื่องมือ AI เข้ามาใช้ในกระบวนการทำงานประจำวัน หลังจากการทดสอบนานสองปีที่ครอบคลุมและทดลองใช้แอปพลิเคชัน AI ต่างๆ Walmart ได้บูรณาการ AI อย่างกว้างขวางในกิจกรรมหลัก เช่น โซ่อุปทาน โลจิสติกส์ การจัดการสินค้าคงคลัง และบริการลูกค้า การนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นเชิงกลยุทธ์ในการนำ AI มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การตัดสินใจ และการปรับปรุงธุรกิจโดยรวม แนวทาง AI แบบ "ทั้งหมดใน" ของ Walmart รวมถึงการฝึกอบรมพนักงานหลายพันคนให้สามารถใช้เทคโนโลยี AI ของบริษัทเองและโซลูชันระดับสูงจากบุคคลที่สามได้อย่างมีประสิทธิภาพ พนักงานนำข้อมูลเชิงลึกจาก AI ไปใช้ในงานต่างๆ เช่น การสั่งซื้อ การจัดเก็บสินค้า การโต้ตอบกับลูกค้าแบบเฉพาะบุคคล และการจัดการคลังสินค้าที่ยุ่งยาก การบูรณาการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพขึ้นเท่านั้น แต่ยังเสริมสร้างความสามารถให้พนักงานในการให้บริการลูกค้าและปรับตัวตามความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของอุตสาหกรรมค้าปลีกอีกด้วย การใช้ AI สร้างสรรค์ที่ Walmart สะท้อนแนวโน้มในอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวม ที่ซึ่ง AI กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำเนินงาน Walmart ใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เชิงพยากรณ์เพื่อทำนายความต้องการและป้องกันสินค้าไม่พอคัญ อีกทั้งยังใช้แชทบอทและผู้ช่วยเสมือนที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อยกระดับคุณภาพบริการลูกค้า นวัตกรรมเหล่านี้ช่วยให้ Walmart คงความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาดที่เต็มไปด้วยคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความท้าทายที่ต้องเผชิญในเรื่องของความสมดุลระหว่างประโยชน์จาก AI กับความกังวลด้านความเป็นส่วนตัว ความปลอดภัยของข้อมูล และความปลอดภัยของแบรนด์ ระบบ AI ต้องพึ่งพาข้อมูลผู้บริโภคและข้อมูลการดำเนินงานจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นต้องมีกฎเกณฑ์ด้านการจัดการข้อมูลและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อปกป้องข้อมูลลูกค้าและรักษาความเชื่อมั่น นอกจากนี้ Walmart ยังมีการตรวจสอบเนื้อหา AI ที่ผลิตขึ้นอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แน่ใจว่าสอดคล้องกับค่านิยมองค์กรและป้องกันข้อมูลผิดพลาดหรือเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมซึ่งอาจทำลายชื่อเสียงของบริษัท การลงทุนด้าน AI สร้างสรรค์ของ Walmart เป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมค้าปลีก ซึ่งความสำเร็จเชื่อมโยงกับนวัตกรรมในเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น ผู้นำคาดหวังว่าการพัฒนา AI อย่างรวดเร็วจะสามารถนำไปสู่ความก้าวหน้าในด้านประสิทธิภาพการดำเนินงานและประสบการณ์ของลูกค้า โดยการพัฒนาพนักงานที่เชี่ยวชาญด้าน AI และผนวกเทคโนโลยีเข้าไปในกระบวนการประจำวัน Walmart จึงสร้างตำแหน่งของตัวเองเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ใช้ AI ในขณะที่ผู้ค้าปลีกรายอื่นกำลังสังเกตเห็นยุทธศาสตร์ AI อย่างรอบคอบและผลลัพธ์เริ่มแรกของ Walmart คาดว่าจะมีการเร่งการนำ AI ไปใช้ในอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะปฏิรูประบบการดำเนินงานและการมีส่วนร่วมของลูกค้าอย่างมาก AI จะกลายเป็นศูนย์กลางของระบบนิเวศค้าปลีกรุ่นใหม่ในอนาคต สรุปแล้ว การเปลี่ยนแปลงของ Walmart จากการทดลอง AI อย่างระมัดระวัง ไปสู่การนำไปใช้เต็มรูปแบบ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลและความท้าทายที่สูงของ AI สร้างสรรค์ในอุตสาหกรรมค้าปลีก ความมุ่งเน้นอย่างต่อเนื่องในด้านความเชี่ยวชาญด้าน AI ของพนักงานและการบริหารความเสี่ยงเป็นตัวอย่างของการนำเทคโนโลยีอย่างรับผิดชอบ เมื่อ AI สร้างสรรค์เติบโตเต็มที่ ความมุ่งมั่นของ Walmart จะช่วยให้บริษัทสามารถใช้เครื่องมือเหล่านี้เพื่อรักษาข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันและยกระดับการให้บริการในตลาดดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว
Viamedia ซึ่งเป็นชื่อที่โดดเด่นในวงการเทคโนโลยีโฆษณา ได้เปลี่ยนชื่อเป็น Viamedia
Automate Marketing, Sales, SMM & SEO
and get clients on autopilot — from social media and search engines. No ads needed
and get clients today