พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิตัน (Metropolitan Museum of Art) ได้เปิดตัวเกมออนไลน์ใหม่ชื่อว่า Art Links ซึ่งช่วยให้ผู้เล่นค้นพบความเชื่อมโยงและธีมที่มีร่วมกันในงานศิลปะของพิพิธภัณฑ์ Met รับรองผู้ที่สนใจเข้าร่วมว่า “ไม่จำเป็นต้องมีปริญญาประวัติศาสตร์ศิลปะ” โครงการนี้เป็นการก้าวสู่ประสบการณ์ Web3 ครั้งแรกของ Met ที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน พิพิธภัณฑ์ได้ร่วมมือกับแพลตฟอร์มเทคโนโลยี TRLab ที่ก่อตั้งโดยนักธุรกิจ Audrey Ou และ Xin Li-Cohen ผู้บริหารของ Christie’s ซึ่งยังคงทำหน้าที่ในตำแหน่งรองประธานที่ไม่มีตำแหน่งฝ่ายบริหารที่นั่น Art Links มอบโอกาสให้ผู้เล่นไม่เพียงแค่มีส่วนร่วมกับคอลเลกชันของพิพิธภัณฑ์ แต่ยังสามารถรับเหรียญ NFT ในเกมและชนะรางวัลต่างๆ ทั้งในรูปแบบดิจิทัลและในชีวิตจริง เกมที่มีการจัดเรียงตามลำดับนี้ประกอบด้วยงานศิลปะมากกว่า 140 ชิ้นจากคอลเลกชันขนาดใหญ่ของ Met ผู้เล่นสามารถขอรับ NFT ฟรีและบรรลุเป้าหมายโดยการค้นพบความเชื่อมโยงที่เกี่ยวกับศิลปะ—ซึ่งเรียกว่า “เชน”—และทำภารกิจในเกมให้สำเร็จ ฉันได้ลองเล่นเกมเมื่อวานนี้และเสร็จสิ้นรอบแรก แม้มันจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับวัตถุและโบราณวัตถุแต่ละชิ้น—ซึ่งแต่ละชิ้นมาพร้อมกับข้อมูลพื้นหลังที่ละเอียดเพื่อช่วยในการทำความเข้าใจความเชื่อมโยงที่จำเป็น—แต่วิธีการเล่นยังรู้สึกไม่ค่อยเป็นธรรมชาติทั้งหมด สิ่งนี้อาจพัฒนาไปตามที่ผู้เล่นคุ้นเคยกับกลไกและดำเนินการต่อในการตั้งโจทย์ใหม่ที่ปล่อยออกมาทุกวันพฤหัสบดีเวลา 00:01 น. ET ในระยะเวลา 12 สัปดาห์ถัดไป ตามคำแถลงอย่างเป็นทางการ เกมนี้ประกอบด้วยความเชื่อมโยงสี่ประเภทที่แตกต่างกัน: ไฮไลต์ ซึ่งแสดงผลงานที่สำคัญ ศิลปิน หรือกระแส; วัสดุ ที่ตรวจสอบเทคนิคที่ใช้ในการสร้างสรรค์งานศิลปะ; อีโมจิ ที่เน้นสัญลักษณ์และวัฒนธรรมภาพ; และ Web3 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าศิลปินตลอดประวัติศาสตร์มีปฏิสัมพันธ์กับแนวคิดที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนอย่างไร งานศิลปะที่รวมอยู่ในเกมได้รับการคัดเลือกโดย Destinee Filmore ผู้ช่วยผู้ดูแลแผนกศิลปะสมัยใหม่และร่วมสมัย ร่วมกับทีมงานที่มีความหลากหลายจากคอลเลกชันที่หลากหลายของพิพิธภัณฑ์ เชนแต่ละเส้นมีชิ้นงานอย่างน้อยหนึ่งชิ้นจากคอลเลกชันศิลปะในศตวรรษที่ 20 และ 21 ของ Met ซึ่งให้บริบทสร้างสรรค์ที่กว้างขึ้น แม้ว่านี่จะเป็นการตั้งโจทย์ครั้งแรกของพิพิธภัณฑ์ในโลกของบล็อกเชน แต่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Met ใช้เทคโนโลยีในการนำทรัพย์สินจำนวนมากของตัวเองเข้าสู่โดเมนดิจิทัล Met Unframed ซึ่งเปิดตัวในปี 2021 มอบโมเดลเสมือนจริงของพิพิธภัณฑ์ผ่านแอปเสริมจริง ในขณะที่ Replica ซึ่งเป็นความร่วมมือในปี 2023 กับแพลตฟอร์มเกม Roblox ได้มอบแอปพลิเคชัน A. R.
อีกอันหนึ่งสำหรับผู้เข้าร่วมเพื่อ “เก็บรวบรวม” วัตถุจากคอลเลกชันของ Met พิพิธภัณฑ์ยังกำลังตรวจสอบการใช้ปัญญาประดิษฐ์สำหรับนิทรรศการสถาบันเครื่องแต่งกายปี 2024 ที่กำลังจะมาถึง ผู้กำกับของ Met Max Hollein ได้อธิบายว่า Art Links เป็น “นวัตกรรม” โดยเรียกมันว่า “ครั้งแรกที่น่าตื่นเต้นสำหรับ Met และประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใครในภาคพิพิธภัณฑ์โดยรวม” “การเป็นพันธมิตรกับ Met ในประสบการณ์ Web3 ครั้งแรกแสดงถึงความเชื่อของเราในการส่งเสริมการเชื่อมต่อที่ลึกซึ้งระหว่างผู้สร้าง ผู้เก็บสะสม และแฟน ๆ เป็นตัวแทนของอนาคตของศิลปะ” Ou ผู้ร่วมก่อตั้ง TRLab กล่าว
พิพิธภัณฑ์ศิลปะเมโทรโพลิทันเปิดตัว Art Links: ประสบการณ์เกม Web3 ใหม่
การขายหุ้นเทคโนโลยีครั้งใหญ่กำลังสร้างความหวั่นหวาดให้กับวอลล์สตรีท เนื่องจากช่องว่างอันกว้างใหญ่ระหว่างมูลค่าหุ้นของบริษัทด้าน AI กับรายได้ที่ยังคงต่ำกว่าความคาดหวังยังคงขยายตัวต่อไป ตามรายงานของวอลล์สตรีทเจอร์นัล ตลาดหุ้นกำลังแสดงสัญญาณชัดเจนของ “ความเปราะบาง” โดย Nvidia ลดลงถึงเจ็ดเปอร์เซ็นต์เมื่อสัปดาห์ก่อน แม้ว่าจะมีความหวังเกิดขึ้นจากสัญญาณว่าการปิดรัฐบาลกลางกำลังจะสิ้นสุดลง การตกต่ำของผู้ผลิตชิป AI ก็ยังคงดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้ โดยลดลงอีกราวสามเปอร์เซ็นต์เมื่อวันอังคาร หุ้นของ Meta ก็ลดลงเกือบ 17 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่รายงานผลประกอบการรายไตรมาสเมื่อปลายเดือนที่ผ่านมา ทั้งที่บริษัทก็สามารถทำยอดขายเกินความคาดหวังของนักลงทุนได้ เช่นเดียวกับบิ๊กวร์ซอฟต์แวร์ AI อย่าง Palantir ซึ่งประสบกับการตกลงถึงแปดเปอร์เซ็นต์ตั้งแต่รายงานผลประกอบการที่ดีกว่าคาดเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ โดยสรุป สายหมอกมืดกำลังปกคลุมอุตสาหกรรม AI ซึ่งคำมั่นสัญญาอันสูงส่งเกี่ยวกับความสามารถอันกว้างใหญ่ยังคงดูเหมือนจะไกลเกินเอื้อม และนักลงทุนก็เริ่มลังเลอย่างมากเกี่ยวกับการลงทุนจำนวนมหาศาลในโครงสร้างพื้นฐานของ AI ความกังวลเพิ่มขึ้นว่าเงินหลายพันล้านที่ลงทุนไปในขยายศูนย์ข้อมูลอาจไม่เคยให้ผลตอบแทนตามสัญญา หัวหน้าฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่างก็ออกมาพูดถึงฟองสบู่ AI ซึ่งหากระเบิดขึ้น อาจทำให้สหรัฐฯ ตกอยู่ในภาวะถดถอยรุนแรง นักเศรษฐศาสตร์เตือน เพิ่มความไม่แน่นอน ค่าย SoftBank ของญี่ปุ่นเปิดเผยในสัปดาห์นี้ว่าขายหุ้นใน Nvidia ไปมูลค่า 5
การศึกษาสำรวจอย่างละเอียดเมื่อไม่นานมานี้ได้เปิดเผยถึงผลกระทบเปลี่ยนแปลงของปัญญาประดิษฐ์สร้างสรรค์ (GenAI) ต่อประสิทธิภาพขององค์กร โดยเน้นไปที่การค้าปลีกออนไลน์ ด้วยการทดลองภาคสนามในวงกว้าง การวิจัยแสดงให้เห็นว่าการนำเทคโนโลยี GenAI ไปใช้สามารถเสริมสร้างผลการขายในหลายองค์กรได้อย่างมีนัยสำคัญ การศึกษานี้ได้นำเครื่องมือ GenAI ไปใช้ในผู้ค้าปลีกออนไลน์หลายแห่งเพื่อปรับปรุงการโต้ตอบกับลูกค้าแบบส่วนตัว การจัดการสินค้าคงคลัง การตั้งราคาที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ และการสร้างเนื้อหาอัตโนมัติ โดยการเปรียบเทียบตัวชี้วัดยอดขายก่อนและหลังการติดตั้ง GenAI นักวิจัยสามารถวัดผลประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมของเทคโนโลยีเหล่านี้ได้ ผลลัพธ์แสดงให้เห็นว่าการเติบโตของยอดขายจากผลกระทบของ GenAI มีความแตกต่างกันอย่างมากในแต่ละองค์กร โดยผลลัพธ์ของการทดลองอยู่ในช่วงตั้งแต่ 0% จนถึง 16
ในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียได้พึ่งพาปัญญาประดิษฐ์ (AI) มากขึ้นเพื่อปรับปรุงการกลั่นกรองเนื้อหา โดยเฉพาะวิดีโอ ด้วยจำนวนวิดีโอที่ผู้ใช้สร้างขึ้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว การตรวจสอบด้วยมือจึงไม่เพียงพอในการจัดการกับปริมาณเนื้อหาที่อัปโหลดในแต่ละวันอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยเหตุนี้ ระบบการกลั่นกรองด้วย AI จึงถูกนำเข้ามาเพื่อระบุและลบวิดีโออันตรายที่มีเนื้อหาน hateful, ความรุนแรง, เนื้อหาเปลือยเปล่า และเนื้อหาไม่เหมาะสมอื่น ๆ การกลั่นกรองด้วย AI เป็นก้าวสำคัญที่เหนือกว่าการตรวจสอบด้วยมือแบบดั้งเดิม อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่องที่ซับซ้อนเหล่านี้ วิเคราะห์หลายแง่มุมของวิดีโอ รวมถึงเสียง ภาพ และข้อมูลเมตาทางข้อความ โดยใช้เทคนิคการเรียนรู้เชิงลึก ซึ่งช่วยให้สามารถตรวจจับลายละเอียดในเนื้อหาที่เป็นอันตรายได้เร็วขึ้นและแม่นยำมากขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ตรวจสอบด้วยตนเองเพียงอย่างเดียว เป้าหมายสำคัญของการใช้ AI ในการกลั่นกรองคือการสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่ปลอดภัยมากขึ้น การเปิดเผยต่อเนื้อห hateful, รุนแรง หรือเปลือยเปล่า อาจส่งผลกระทบด้านจิตใจอย่างรุนแรง โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน AI ช่วยให้บริษัทโซเชียลมีเดียรักษามาตรฐานชุมชนและกฎหมายโดยการระบุและดับเนื้อหาเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ขั้นตอนการกลั่นกรองประกอบด้วยหลายระดับ โดย AI จะสแกนคำสำคัญ สัญญาณภาพ และเบาะแสในบริบทเพื่อบ่งชี้เนื้อหาที่เป็นปัญหา เนื่องจากวิดีโอที่ถูกปักธงอาจผ่านการตรวจสอบเพิ่มเติม รวมถึงการตรวจสอบโดยมนุษย์ เพื่อลดความผิดพลาด เช่น การปกป้องไม่ให้วิดีโอที่ไม่ผิดกฎหมายถูกลบโดยไม่ตั้งใจ การทำงานร่วมกันนี้ช่วยให้การกลั่นกรองมีประสิทธิภาพและเป็นธรรมมากขึ้น การฝึกฝนโมเดลอย่างต่อเนื่องและความรู้กลับแบบเรียลไทม์ ทำให้ระบบ AI สามารถปรับตัวกับเทคนิคใหม่ ๆ ที่ใช้เพื่อเลี่ยงการตรวจจับ เช่น การเปลี่ยนแปลงรูปแบบวิดีโอ ภาษารีโค้ด หรือการผสมผสานภาพที่ไม่เหมาะสมกับเนื้อหาที่ไม่เป็นอันตราย การอัปเดตโมเดลเหล่านี้ช่วยเพิ่มความสามารถในการรู้จำและตอบสนองต่อความท้าทายใหม่ ๆ นอกจากนี้ เครื่องมือ AI ยังช่วยให้แพลตฟอร์มต่าง ๆ ปฏิบัติตามกฎหมายในหลายเขตอำนาจศาล โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลบเนื้อหาที่เป็น hate speech โฆษณาชวนเชื่อก่อการร้าย และเนื้อหาผิดกฎหมายอื่น ๆอย่างรวดเร็ว การกลั่นกรองด้วย AI จึงเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้การปฏิบัติตามกฎระเบียบเป็นไปอย่างราบรื่น ลดความเสี่ยงด้านกฎหมาย และสนับสนุนการปฏิบัติตามกฎหมายในแต่ละประเทศ อย่างไรก็ตาม การกลั่นกรองด้วย AI ยังเผชิญกับความท้าทาย เช่น การเซ็นเซอร์เกินขอบเขตและการลบเนื้อหาที่ถูกกฎหมายหรือสำคัญผิดพลาด ซึ่งเป็นปัญหาทางจริยธรรม เนื่องจากแพลตฟอร์มต้องสมดุลระหว่างเสรีภาพในการแสดงออกและการปกป้องผู้ใช้จากอันตราย ความโปร่งใสในนโยบายและกลไกการอุทธรณ์ของผู้ใช้เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาความยุติธรรม นอกจากนี้ ระบบ AI ยังต้องคำนึงถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภาษาในกลุ่มผู้ใช้ทั่วโลก เนื่องจากเนื้อหา hateful และความรุนแรงมักแสดงออกแตกต่างกันในแต่ละภูมิภาค ซึ่งต้องมีโมเดลเฉพาะด้านภาษาหรือเฉพาะตลาด เพื่อป้องกันความเข้าใจผิดพลาด ในอนาคต บทบาทของ AI ในการกลั่นกรองเนื้อหาจะขยายตัว เนื่องจากบริษัทโซเชียลมีเดียลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยให้วิเคราะห์วิดีโอแบบเรียลไทม์ การตรวจจับอารมณ์ และการกลั่นกรองตามบริบท เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสามารถในการรองรับการใช้งานในระดับที่ใหญ่ขึ้น โดยสรุป การบูรณาการการกลั่นกรองเนื้อหาด้วย AI ในโซเชียลมีเดียเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับเนื้อหาวิดีโอที่เป็นอันตรายออนไลน์ ด้วยการใช้การเรียนรู้ของเครื่องในการวิเคราะห์ ค้นหา และลบวิดีโอที่มี hate speech ความรุนแรง หรือเนื้อหาเปลือยเปล่า ระบบเหล่านี้ช่วยสร้างสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นทั่วโลก แม้จะยังคงมีความท้าทายในการสมดุลความยุติธรรมและเสรีภาพในการแสดงออก แต่ด้วยการพัฒนาและการใช้งานอย่างระมัดระวัง เครื่องมือกลั่นกรองด้วย AI นี้มีแนวโน้มที่ดีในการยกระดับคุณภาพและความปลอดภัยของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่อไป
ซัมมนาออนไลน์ AI SEO & GEO ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 9 ธันวาคม 2025 เป็นโอกาสสำคัญสำหรับธุรกิจและนักการตลาดดิจิทัลในการรักษาความได้เปรียบในภูมิทัศน์การปรับแต่งเครื่องมือค้นหา (SEO) ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่กำลังเปลี่ยนวิธีการที่ผู้ใช้ค้นหาข้อมูล วิธีการ SEO แบบเดิม ๆ กำลังกลายเป็นสิ่งล้าสมัย ซัมมนานี้จะแก้ไขแนวโน้มเหล่านี้ด้วยการนำเสนอข้อมูลเชิงลึกและกลยุทธ์ล่าสุดที่ออกแบบมาเพื่อสภาพแวดล้อมการค้นหาแบบขับเคลื่อนด้วย AI หนึ่งในตัวขับเคลื่อนสำคัญของการเปลี่ยนแปลงนี้คือการบูรณาการ AI เข้ากับเครื่องมือค้นหา เช่น Google AI Overviews ซึ่งปรากฏใน 20% ของคำค้นหาในปัจจุบัน ต่างจากผลลัพธ์แบบดั้งเดิมที่แสดงลิงก์และส่วนสั้น ๆ นี้ Overviews จะให้สรุปข้อความที่กระชับและตอบคำถามของผู้ใช้โดยตรง ซึ่งเปลี่ยนแปลงความคาดหวังและพฤติกรรมของผู้ใช้ นอกจากนี้ แพลตฟอร์มที่ใช้ AI เช่น ChatGPT และ Perplexity ช่วยให้สามารถค้นหาข้อมูลแบบโต้ตอบและสนทนาได้ ทำให้ก้าวข้ามการค้นหาแบบคีย์เวิร์ดธรรมดาและเปลี่ยนโฉมแนวทาง SEO อย่างลึกซึ้ง ซัมมนานี้จะรวมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญและผู้นำความคิดด้าน AI และการตลาดดิจิทัล เพื่อแบ่งปันกลยุทธ์ขั้นสูงในการปรับปรุงเว็บไซต์และเนื้อหาให้เหมาะสมกับเครื่องมือค้นหาในยุค AI ผู้เข้าร่วมจะได้เรียนรู้การใช้งานเครื่องมือ AI อย่างมีประสิทธิภาพ ทำความเข้าใจปัจจัยการจัดอันดับแบบใหม่ที่ได้รับอิทธิพลจาก AI และสร้างเนื้อหาที่ดึงดูดทั้งอัลกอริทึมของ AI และผู้ใช้ นอกจากการเสนอบรรยาย ผู้เข้าร่วมยังสามารถเข้าร่วมเวิร์กชอปเชิงปฏิบัติและการอภิปรายกลุ่มในหัวข้อเช่น ผลกระทบของการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (NLP) ต่อการวิจัยคีย์เวิร์ด บทบาทของ AI ในการทำ SEO ท้องถิ่น (GEO SEO) และกลยุทธ์เพิ่มการมีส่วนร่วมและการแปลงผู้ใช้งานในระบบนิเวศที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับธุรกิจที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขัน การเปลี่ยนแปลงที่ขับเคลื่อนด้วย AI นี้นำเสนอทั้งความท้าทายและโอกาส SEO แบบเดิมที่เน้นความหนาแน่นของคีย์เวิร์ดและลิงก์ย้อนกลับไม่เพียงพออีกต่อไป เนื่องจากความต้องการเนื้อหาที่ชัดเจน กระชับ และเกี่ยวข้องตามบริบทสำหรับการตอบคำถามโดย AI ยิ่งขึ้น สายใยของการเน้น GEO SEO ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น ด้วย AI ที่เข้าใจบริบทและเจตนาของผู้ใช้ได้ดีขึ้น ธุรกิจในพื้นที่สามารถปรับปรุงการมองเห็นผ่านกลยุทธ์เป้าหมายทางภูมิศาสตร์ได้ การเข้าร่วม AI SEO & GEO Online Summit นี้จะทำให้ผู้เข้าร่วมได้รับความรู้และเครื่องมือที่จำเป็นในการประสบความสำเร็จในภูมิทัศน์การค้นหาใหม่ ซึ่งเป็นงานสำคัญสำหรับนักการตลาดดิจิทัล ผู้เชี่ยวชาญ SEO เจ้าของธุรกิจ และครีเอเตอร์เนื้อหาที่ต้องการสร้างความมั่นใจในอนาคตของการแสดงผลออนไลน์ของตน ด้วยความก้าวหน้าอย่างรวดเร็วของ AI ในอัลกอริทึมการค้นหาและการโต้ตอบกับผู้ใช้ ซัมมนาในครั้งนี้จึงมาถึงจุดสำคัญ ซึ่งนำเสนอภาพรวมของแนวโน้มปัจจุบันและคำแนะนำที่สามารถนำไปใช้เพื่อปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ข้อมูลเชิงลึกที่ได้จะช่วยให้ผู้เข้าร่วมสามารถพัฒนากลยุทธ์ SEO ที่สอดคล้องกับขีดความสามารถและความต้องการของ AI ได้เป็นอย่างดี โดยรวม ซัมมนา AI SEO & GEO Online นี้ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงด้านการตลาดดิจิทัลอย่างลึกซึ้งที่เกิดจากการบูรณาการ AI ขั้นสูงในระบบค้นหา ด้วยการเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้นำในอุตสาหกรรมในการแลกเปลี่ยนความรู้ สำรวจแนวโน้มใหม่ และกำหนดอนาคตของ SEO งานนี้จึงเป็นงานที่ควรเข้าร่วมสำหรับผู้ที่ต้องการรักษาความสามารถในการแข่งขันในโลกที่ขับเคลื่อนด้วย AI สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและการลงทะเบียน ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของงาน ซัมมนานี้เป็นโอกาสพิเศษในการรับความรู้จากผู้เชี่ยวชาญและเชื่อมต่อกับชุมชนที่มุ่งเน้นนวัตกรรมด้านการตลาดดิจิทัลและการปรับแต่งเครื่องมือค้นหา
Snap Inc.
วันที่ 17 กันยายน 2025 สำนักงานภาคใต้ของสมาคมธุรกิจยุโรป (EBA) ได้เป็นเจ้าภาพจัดสัมมนาออนไลน์ที่น่าสนใจ เพื่อเน้นถึงผลกระทบเปลี่ยนแปลงของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในด้านการตลาด งานนี้รวบรวมผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม นักการตลาด และนักธุรกิจเพื่อหารือเกี่ยวกับการใช้งาน AI ในเชิงปฏิบัติ เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์ทางการตลาด ปรับปรุงการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย และเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญ การประชุมครอบคลุมหัวข้อหลัก โดยเริ่มจากการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการตลาด ผู้เชี่ยวชาญชี้ให้เห็นว่าเครื่องมือ AI ช่วยให้ผู้ทำการตลาดสามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมากได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เพื่อเข้าใจพฤติกรรม ความชื่นชอบ และรูปแบบของผู้บริโภคที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น การเข้าใจเช่นนี้ทำให้บริษัทสามารถส่งข้อความและเสนอบริการที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่มได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญคือการอัตโนมัติของการตลาดผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (SMM) แพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถจัดตารางโพสต์ สร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ ตรวจสอบปฏิสัมพันธ์ และตอบสนองคำถามของลูกค้าในเวลาจริง การอัตโนมัตินี้ช่วยประหยัดเวลาและทรัพยากร ในขณะเดียวกันก็คงมาตรฐานความสม่ำเสมอและบุคลิกของแบรนด์บนช่องทางโซเชียล ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาและเสริมสร้างการมองเห็นและความมีส่วนร่วม ผู้เข้าร่วมยังได้รับรู้เกี่ยวกับตัวช่วย AI สุดล้ำที่ออกแบบมาเพื่อการสื่อสารและวิเคราะห์ข้อมูล โดย AI สามารถติดต่อกับลูกค้าโดยตรง เสนอแนะส่วนบุคคล ตอบคำถาม และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม ซึ่งช่วยยกระดับประสบการณ์และความพึงพอใจของลูกค้า สำหรับด้านการวิเคราะห์ AI สามารถจัดการข้อมูลจำนวนมากเพื่อค้นหาแนวโน้ม ประเมินผลแคมเปญ และเสนอการปรับเปลี่ยนข้อมูล เพื่อการตัดสินใจที่ดีขึ้นและผลลัพธ์ด้านการตลาดที่ดีขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเน้นย้ำถึงประโยชน์หลายด้านของการบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการทำงานด้านการตลาด เช่น การลดเวลาการผลิตเนื้อหาเชิงสร้างสรรค์อย่างมาก ด้วยการอัตโนมัติงานประจำและใช้คำแนะนำเนื้อหาที่ AI สร้างขึ้น ทีมการตลาดจึงสามารถมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์และนวัตกรรมมากขึ้น AI ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการเลือกกลุ่มเป้าหมาย ทำให้สามารถส่งข้อความที่ตรงกลุ่ม เปลี่ยนเป็นลูกค้าได้มากขึ้น เรื่องงบประมาณก็เป็นอีกด้านหนึ่งที่ AI มีผลอย่างสำคัญ การปรับเป้าหมายแคมเปญและการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่องช่วยให้ระบบ AI สามารถช่วยให้นักการตลาดจัดสรรงบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดการสิ้นเปลือง และเพิ่มผลตอบแทนจากการลงทุน โดยบริษัทที่นำเอาเครื่องมือการตลาดที่ขับเคลื่อนด้วย AI มาใช้ จะสามารถปรับตัวได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้นในสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ในระหว่างการประชุม วิทยากรเน้นย้ำความสำคัญของการยอมรับ AI เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดยุคใหม่ ไม่ใช่แค่เทรนด์ชั่วคราวหรือกลไกทางเทคโนโลยี เพื่อช่วยองค์กรทุกขนาดและทุกภาคส่วนสำรวจและนำเทคโนโลยี AI ไปปรับใช้ในเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้ยังคงแข่งขันในตลาดดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็วและใช้ข้อมูลเป็นหัวใจสำคัญ งานนี้ ซึ่งจัดโดยสำนักงานภาคใต้ของสมาคมธุรกิจยุโรป แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องขององค์กรในการแลกเปลี่ยนความรู้ และสนับสนุนธุรกิจในการใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน โดยการสนับสนุนการสนทนาและการเรียนรู้ EBA ช่วยสร้างความเข้มแข็งให้สมาชิกและชุมชนธุรกิจโดยรวมสามารถนำทางในบริบทเทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วได้อย่างประสบความสำเร็จ สรุปแล้ว การประชุมออนไลน์เกี่ยวกับ AI ในการตลาดนี้ให้ข้อมูลเชิงลึกและคำแนะนำเชิงปฏิบัติในการนำ AI ไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพ ครอบคลุมการวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย อัตโนมัติ SMM การสื่อสารด้วย AI และการวิเคราะห์ข้อมูล เทคโนโลยีที่พูดถึงนี้เปิดเส้นทางที่มีแนวโน้มดีในการทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยมีความแม่นยำและผลกระทบสูงขึ้น เมื่อ AI พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง การบูรณาการเข้ากับแนวทางการตลาดจะกลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จในยุคดิจิทัล สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมและทรัพยากรจากงาน ดาวน์โหลดได้จากเว็บไซต์ทางการของสมาคมธุรกิจยุโรปที่ eba
ยัน เลอคุน รองประธานและหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ด้านปัญญาประดิษฐ์ของ Meta ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในวงการปัญญาประดิษฐ์และเป็นผู้บุกเบิกในบริษัท มีแผนจะลาออกจาก Meta เพื่อเริ่มต้นบริษัทสตาร์ทอัปด้าน AI ของตนเอง เลอคุนมีบทบาทสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์และความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีของ Meta ทำให้การจากไปของเขาอาจเป็นการเปลี่ยนแปลงสำคัญในแนวทางการนำ AI ของบริษัทและทิศทางกลยุทธ์ ตามรายงานของ Financial Times เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน เลอคุนได้พูดคุยเกี่ยวกับการเปิดตัวสตาร์ทอัปที่มุ่งเน้นผลักดันการวิจัยและการประยุกต์ใช้ AI ให้เกินกว่าขอบเขตของบริษัท แม้รายละเอียดยังไม่ชัดเจน แต่เป็นสัญญาณของแนวโน้มที่นักวิจัยด้าน AI ชั้นนำต้องการอิสรภาพและความคล่องตัวมากขึ้นในการนวัตกรรมท่ามกลางความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว The Wall Street Journal ยืนยันว่าสถานการณ์นี้กำลังอยู่ในระหว่างการหารือภายในของ Meta เกี่ยวกับผลกระทบและช่วงเวลาที่เลอคุนอาจลาออก Meta ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับการจากไปของเขา ทำให้ยังมีความคลุมเครือเกี่ยวกับรายละเอียดของกระบวนการเปลี่ยนแปลง ณ สิ้นเดือนตุลาคม Meta ได้เปิดตัวความก้าวหน้าที่ท้าทายด้านกลยุทธ์ AI ของตนเอง ท่ามกลางความตึงเครียดภายในเรื่องลำดับความสำคัญด้าน AI และการจัดสรรทรัพยากร ตามรายงานของ CNBC ความตึงเครียดเหล่านี้มาจากมุมมองที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการแข่งขันในสนาม AI ที่ยิ่งเข้มข้นขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ Meta พยายามตามให้ทันกับบริษัทยักษ์ใหญ่อื่นๆ ที่ลงทุนอย่างหนักในด้านวิจัยซูเปอร์เอไอ แม้กระทั่งในเดือนเมษายน ซีอีโอของ Meta, มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก แสดงความผิดหวังกับความก้าวหน้าด้าน AI ของบริษัท โดยตั้งเป้าหมายสูงเพื่อให้ก้าวเข้าสู่ “ซูเปอร์เอไอ” ระบบ AI ที่สามารถเกินความสามารถของมนุษย์ในหลายด้าน ความทะเยอทะยานนี้สอดคล้องกับผู้นำด้านเทคโนโลยีคนอื่น ๆ ที่มุ่งหวังจะครองความเป็นผู้นำในด้าน AI รุ่นต่อไป การเคลื่อนไหวของเลอคุนเกิดขึ้นในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรม AI ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากนวัตกรรมที่เร่งขึ้นในด้านแมชชีนเลิร์นนิง การประมวลผลภาษาธรรมชาติ และโครงสร้างเครือข่ายประสาท วิทยากรและนักวิเคราะห์ชี้ให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงผู้นำในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Meta สามารถส่งผลกระทบอย่างมากต่อแนวทางการวิจัยและทิศทางการลงทุน การลาออกของเลอคุนอาจส่งผลต่อความสามารถของ Meta ในการดึงดูดและรักษานักวิจัยด้าน AI ชั้นนำ เนื่องจากเขามีชื่อเสียงโดดเด่นทั้งในฐานะผู้บริหารของ Meta และนักวิจัยด้าน deep learning ที่เป็นรากฐาน การจากไปของเขาคาดว่าจะดึงความสนใจจากบริษัทและสถาบันวิจัยอื่น ๆ ที่หวังจะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของเขา ขณะที่ AI ขยายตัวอย่างรวดเร็วในอุตสาหกรรม สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายที่บริษัทยักษ์ใหญ่มักเผชิญในการสมดุลนวัตกรรมกับพลวัตภายในองค์กร Meta ยังคงต้องเผชิญกับความซับซ้อนในการบริหารจัดการ AI การแข่งขัน การบูรณาการเทคโนโลยี และการปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายขององค์กร ในอนาคต ความสำเร็จด้าน AI ของ Meta ขึ้นอยู่กับว่าบริษัทสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของผู้นำและดำเนินตามแนวทางเชิงกลยุทธ์ที่วางไว้ได้ดีเพียงใด ความตั้งใจของซัคเคอร์เบิร์กที่เน้นไปที่ซูเปอร์เอไอ แสดงให้เห็นว่า AI จะยังคงเป็นหัวใจสำคัญของเป้าหมาย แต่เส้นทางที่แท้จริงยังไม่ชัดเจนในบรรยากาศที่มีแรงกดดันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับเลอคุน การก่อตั้งสตาร์ทอัปใหม่เปิดโอกาสให้เขาได้กำหนดทิศทางใหม่ในการสร้างผลกระทบต่อ AI โดยการให้เสรีภาพมากขึ้นในการสำรวจงานวิจัยและการประยุกต์ใช้งานที่อยู่นอกขอบเขตขององค์กรขนาดใหญ่ ซึ่งอาจนำไปสู่การพ breakthrough ที่ส่งผลต่อการพัฒนา AI ในวงกว้าง โดยรวมแล้ว การลาออกที่อาจเกิดขึ้นของเลอคุนเน้นให้เห็นถึงความเป็นไดนามิกและการแข่งขันในอุตสาหกรรม AI และแสดงให้เห็นว่านักวิจัยชั้นนำเหล่านี้มักแสวงหาสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางวิวัฒนาการของอุตสาหกรรม บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Meta ต้องมีความคล่องตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงเพื่อรักษาความสามารถในการดึงดูดบุคลากร และรักษาคำเป็นผู้นำด้านนวัตกรรม AI ต่อไป
Launch your AI-powered team to automate Marketing, Sales & Growth
and get clients on autopilot — from social media and search engines. No ads needed
Begin getting your first leads today