การเขียนโดย AI ได้กลายเป็นที่แพร่หลายในอินเทอร์เน็ต ส่งผลต่อแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมถึง LinkedIn ซึ่งเป็นเว็บไซต์โซเชียลมีเดียสำหรับธุรกิจที่เป็นของ Microsoft ได้ผนวก AI โดยมอบเครื่องมือการเขียน AI ให้กับผู้ใช้ LinkedIn Premium เพื่อแก้ไขโพสต์ โปรไฟล์ และข้อความ สิ่งนี้ดูเหมือนจะได้ผลดี เนื่องจากมากกว่า 54 เปอร์เซ็นต์ของโพสต์ภาษาอังกฤษที่ยาวขึ้นบน LinkedIn ถูกสงสัยว่าเป็นการสร้างโดย AI ตามรายงานจาก Originality AI อย่างไรก็ตาม การแยกแยะระหว่างเนื้อหาที่สร้างโดย AI และเขียนโดยมนุษย์บน LinkedIn อาจท้าทายเนื่องจากสไตล์การเขียนที่เป็นทางการ Originality AI ได้วิเคราะห์โพสต์ LinkedIn จำนวน 8, 795 โพสต์ที่ยาวกว่า 100 คำ ซึ่งเผยแพร่ระหว่างเดือนมกราคม 2018 ถึงตุลาคม 2024 พวกเขาพบว่ามีการเพิ่มขึ้นอย่างมากในโพสต์ที่สร้างโดย AI เริ่มต้นในปี 2023 สอดคล้องกับการเปิดตัว ChatGPT ตั้งแต่นั้น อัตราการเติบโตก็ได้คงที่ แม้ว่า LinkedIn จะไม่ได้ติดตามเนื้อหาที่สร้างโดย AI แต่ก็มีการตรวจสอบเนื้อหาคุณภาพต่ำและซ้ำซ้อนอย่างแข็งขันเพื่อป้องกันไม่ให้ถูกโปรโมต ตามที่ Adam Walkiewicz หัวหน้าด้านความเกี่ยวข้องของฟีด LinkedIn กล่าว AI ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือเพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างเนื้อหาโดยไม่บดบังความคิดและความเห็นดั้งเดิมของผู้ใช้ LinkedIn ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับเครือข่ายมืออาชีพ ได้เห็นการเพิ่มขึ้นของวัฒนธรรมผู้มีอิทธิพลรวมถึงความนิยมในกลุ่ม Gen Z ผู้ใช้งานมักใช้เครื่องมือ AI เพื่อเสริมเนื้อหาของพวกเขา โดยสตาร์ทอัพใช้ประโยชน์จากความต้องการสำหรับความคิดเห็นและโพสต์ที่สร้างโดย AI เพื่อช่วยเครือข่ายอาชีพ ผู้ใช้ LinkedIn หลายคนชอบใช้แบบจำลองภาษา AI ที่ใช้ได้ทั่วไปมากกว่าที่จะเป็นเครื่องมือเฉพาะทางในการสร้างโพสต์ นักสร้างเนื้อหาอย่าง Adetayo Sogbesan ใช้ Anthropic’s Claude เพื่อร่างโพสต์ลูกค้าซึ่งเธอแก้ไขเพิ่มเติมอย่างมากหลังจากนั้น ผู้ใช้ที่ไม่ใช่เจ้าของภาษายังใช้ AI ในการปรับปรุงข้อความภาษาอังกฤษของพวกเขาและแก้ไขข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์ ผู้เขียนและศิลปินบางคนคัดค้าน AI โดยอ้างว่ามันลดคุณค่าของการเขียนโดยมนุษย์และลดโอกาสในการทำงานในสนาม บางคดีฟ้องร้องอ้างว่าการฝึก AI ด้วยเนื้อหาที่สร้างโดยมนุษย์โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นการขโมย ความคิดเห็นเกี่ยวกับการใช้ AI ในการเขียนผสมกัน ขณะที่นักธุรกิจ Zack Fosdyck ได้รับความคิดเห็นทั้งเชิงบวกและวิจารณ์เกี่ยวกับเนื้อหาที่สร้างโดย AI ของเขา เขามองว่าเทคโนโลยีนี้มีลักษณะเป็นการแตกแยกเนื่องจากธรรมชาติที่เป็นข้อถกเถียง LinkedIn Blogger Rakan Brahedni ผู้เผยแพร่การใช้เครื่องมือ AI เชื่อว่าเนื้อหาคุณภาพมีความสำคัญมากกว่าทุกอย่าง สุดท้ายแล้ว LinkedIn อาจเป็นเวทีทดสอบที่สมบูรณ์แบบสำหรับการเขียนโดย AI เนื่องจากผู้ใช้งานโดยทั่วไปพยายามนำเสนอภาพลักษณ์ที่สุภาพและน่าเชื่อถือ ซึ่งทำให้เนื้อหาที่เป็นเทียมดูเหมือนเป็นที่เหมาะสมตามธรรมชาติ
การเพิ่มขึ้นของเนื้อหาที่สร้างโดย AI บน LinkedIn: ผลกระทบและข้อมูลเชิงลึก
วิดีโอหนึ่งกำลังแพร่กระจายบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่าประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ยูริ สต Assembly
กูเกิลได้แนะนำการอัปเดตสำคัญในแนวทางการประเมินคุณภาพผลการค้นหา ซึ่งตอนนี้รวมถึงการประเมินเนื้อหาที่สร้างด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเปลี่ยนแปลงนี้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของกูเกิลในการรักษาคุณภาพของผลการค้นหาในสภาพแวดล้อมที่เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว การเพิ่มหัวข้อภาพรวม AI (AI Overviews) ซึ่งเป็นหมวดหมู่เฉพาะของเนื้อหาที่สร้างด้วย AI แสดงให้เห็นว่า กูเกิลกำลังปรับเปลี่ยนเกณฑ์การประเมินเพื่อตอบสนองต่อคุณลักษณะเฉพาะและความท้าทายที่อาจเกิดขึ้นจากเนื้อหาที่ AI ผลิตขึ้น ผู้ประเมินคุณภาพ ซึ่งมีส่วนสำคัญในการตรวจสอบผลการค้นหาเพื่อช่วยปรับปรุงอัลกอริทึมของกูเกิล ได้รับคำแนะนำให้ประเมินคุณภาพของเนื้อหาที่สร้างด้วย AI พร้อมกับเนื้อหาเว็บแบบเดิม การประเมินนี้คาดว่าจะมีผลต่อการจัดอันดับเนื้อหาที่สร้างโดย AI ของกูเกิล เพื่อให้แน่ใจว่าเนื้อหานั้นตรงตามมาตรฐานความถูกต้อง ความเกี่ยวข้อง และความน่าเชื่อถือ การเปลี่ยนแปลงนี้เน้นให้เห็นถึงการรับรู้ของกูเกิลต่อการเพิ่มขึ้นของข้อมูลที่สร้างด้วย AI ในโลกออนไลน์และอิทธิพลของมันต่อประสบการณ์การค้นหาของผู้ใช้ แนวทางการประเมินคุณภาพทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ประเมิน โดยให้คำแนะนำโดยละเอียดในการระบุเนื้อหาคุณภาพสูงและต่ำ ด้วยการอัปเดตแนวทางเหล่านี้เพื่อครอบคลุมเนื้อหาที่สร้างด้วย AI กูเกิลแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความเป็นไปของเนื้อหาออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอและความจำเป็นในการใช้การพิจารณาที่ละเอียดรอบคอบเมื่อประเมินเนื้อหาที่ผลิตโดยปัญญาประดิษฐ์ การพัฒนานี้เกิดขึ้นในช่วงที่เทคโนโลยี AI ยังคงพัฒนาอย่างรวดเร็ว มีเว็บไซต์และแพลตฟอร์มจำนวนมากที่นำ AI มาใช้ในการสร้างเนื้อหาที่หลากหลาย ตั้งแต่บทความข่าว คำอธิบายสินค้า ไปจนถึงสรุปและภาพรวม แม้ว่า AI จะนำมาซึ่งประโยชน์ในด้านประสิทธิภาพและความสามารถในการขยายตัว แต่ก็ยังมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลผิดพลาด อคติ และความซ้ำซากของความคิดสร้างสรรค์ ด้วยเหตุนี้ แนวทางใหม่ของกูเกิลจึงมุ่งเน้นที่การรับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ โดยการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาที่สร้างด้วย AI สอดคล้องกับมาตรฐานคุณภาพที่เข้มงวด ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่า การอัปเดตนี้อาจมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อกลยุทธ์ด้านการตลาดดิจิทัลและการปรับแต่งเสิร์ชเอนจิน (SEO) ครีเอเตอร์เนื้อหาและมืออาชีพด้าน SEO จำเป็นต้องให้ความสนใจอย่างมากต่อคุณภาพของเนื้อหาที่สร้างด้วย AI เพื่อให้แน่ใจว่ามันให้คุณค่าแท้จริงแก่ผู้ใช้ มากกว่าการเติมเต็มหน้าเว็บด้วยเนื้อหาอัตโนมัติ การให้ความสำคัญของกูเกิลในเรื่องคุณภาพและความแท้จริงชี้ให้เห็นว่า เนื้อหาที่สร้างด้วย AI ต้องผลิตอย่างรอบคอบและได้รับการตรวจสอบอย่างพิถีพิถันเพื่อรักษาอันดับการค้นหาที่ดี นอกจากนั้น การบูรณาการการประเมินเนื้อหาจาก AI เข้ากับกระบวนการของผู้ให้คะแนนคุณภาพของกูเกิล ยังสะท้อนเทรนด์ในวงกว้างในอุตสาหกรรมการค้นหา ที่ต้องการสร้างความสมดุลระหว่างนวัตกรรม AI กับความไว้วางใจและประสบการณ์ของผู้ใช้ เนื่องจากเนื้อหาที่สร้างด้วย AI กลายเป็นเรื่องปกติ การเสิร์ชเอนจินจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการที่เข้มแข็งในการแยกเนื้อหาช่วยเหลือและแม่นยำออกจากสแปมและเนื้อหาคุณภาพต่ำ การอัปเดตนี้ยังเน้นความสำคัญของการควบคุมโดยมนุษย์ในสภาพแวดล้อมข้อมูลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ในขณะที่ AI สามารถช่วยในการสร้างเนื้อหาได้ แต่ผู้ประเมินมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการตัดสินคุณภาพ บริบท และเจตนา ความไว้วางใจของกูเกิลกับผู้ประเมินคุณภาพในการตรวจสอบเนื้อหาที่สร้างด้วย AI เป็นการแสดงให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างความเชี่ยวชาญของมนุษย์และปัญญาประดิษฐ์ในการพัฒนาการค้นหาออนไลน์ สรุปแล้ว แนวทางการประเมินคุณภาพผลการค้นหาแบบอัปเดตของกูเกิลเป็นก้าวสำคัญในการรับมือกับความท้าทายและโอกาสที่เนื้อหาที่สร้างด้วย AI เสนอต่ออนาคต ด้วยการให้พลังแก่ผู้ประเมินคุณภาพในการตรวจสอบเนื้อหาเช่น AI Overviews และเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน กูเกิลหวังที่จะรักษาความสมบูรณ์ของผลการค้นหา ให้แน่ใจว่าผู้ใช้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้ และมีความหมาย เมื่อ AI ยังคงเปลี่ยนแปลงภาพรวมดิจิทัล การอัปเดตเช่นนี้จะเป็นสิ่งสำคัญในการวางรากฐานสำหรับอนาคตของเนื้อหาออนไลน์และประสิทธิภาพของเสิร์ชเอนจิน
บริษัท Anthropic ซึ่งเป็นผู้นำด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้ทำข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์กับ Google ซึ่งให้สิทธิ์เข้าถึงหน่วยประมวลผลเทนเซอร์ (TPUs) ของ Google Cloud สูงสุดถึงหนึ่งล้านหน่วย หน่วยประมวลผลเฉพาะทางเหล่านี้ช่วยเร่งความเร็วในการฝึก AI และการคาดการณ์ ทำให้ขีดความสามารถและขนาดของการพัฒนารุ่น AI ของ Anthropic เพิ่มขึ้นอย่างมาก ข้อตกลงนี้มีมูลค่าหลายสิบพันล้านบาท และถือเป็นหนึ่งในการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโครงสร้างพื้นฐาน AI บนคลาวด์ ซึ่งเน้นความสำคัญของการประมวลผลบนคลาวด์และอุปกรณ์เร่งความเร็วด้านฮาร์ดแวร์ในการพัฒนานวัตกรรม AI ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นหลังจากความสำเร็จล่าสุดของ Anthropic กับโมเดล AI ซึ่งได้รับการชื่นชมในความสามารถและการออกแบบที่รับผิดชอบ ทรัพยากรการคำนวณที่เพิ่มขึ้นนี้จะเร่งการวิจัยและพัฒนา ทำให้สามารถฝึกโมเดลรุ่นใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น รวมทั้งดำเนินการใช้งาน AI ที่ซับซ้อน คริกษณะ Rao ประธานฝ่ายการเงินของ Anthropic เน้นให้เห็นความเหมาะสมเชิงกลยุทธ์ของโครงสร้างพื้นฐาน TPU ของ Google กับความต้องการทางเทคนิคและเป้าหมายการเติบโตของ Anthropic อธิบายว่าข้อตกลงนี้ให้ความสามารถในการคำนวณที่ไม่เป็นรองใคร พร้อมความยืดหยุ่นและความสามารถในการปรับขยายการใช้งาน คุณสมบัติที่น่าประทับใจของข้อตกลงนี้คือ การออกแบบการจ่ายไฟฟ้าของโครงสร้าง TPU ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับภาระงาน AI ขนาดใหญ่ การออกแบบนี้ช่วยลดการใช้พลังงานในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างความน่าเชื่อถือในการทำงาน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญต่อการฝึกโมเดลอย่างต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว การพัฒนาโครงสร้างฮาร์ดแวร์ที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้เป็นกุญแจสำคัญ เนื่องจากอุตสาหกรรม AI ต้องการสมดุลระหว่างความต้องการในการคำนวณที่เพิ่มขึ้นและความกังวลด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยขนาดของทรัพยากรและการลงทุน นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าข้อตกลงนี้จะกำหนดมาตรฐานใหม่ในการร่วมมือระหว่างผู้ให้บริการคลาวด์และนักพัฒนา AI ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มที่เปลี่ยนไป ซึ่งบริษัท AI พ increasingly พึ่งพาพลังฮาร์ดแวร์ขั้นสูงจากยักษ์ใหญ่ในวงการคลาวด์ เช่น Google Cloud CEO ทอม คูเรียน ได้แสดงความตื่นเต้น พร้อมเน้นย้ำความมุ่งมั่นของบริษัทในการนวัตกรรมโครงสร้างพื้นฐาน AI และเสริมสร้างศักยภาพของบริษัทต่าง ๆ เช่น Anthropic ในการผลักดันขอบเขต แม้ว่าจะมีความร่วมมือระดับใหญ่นี้ Anthropic ยังคงดำเนินกลยุทธ์ด้านฮาร์ดแวร์และคลาวด์ในแบบกระจาย โดยยังคงร่วมมือกับผู้ให้บริการรายอื่น เช่น Nvidia GPU และ Amazon Train ซึ่งกลยุทธ์แบบหลายคลาวด์และหลายฮาร์ดแวร์นี้ ช่วยแบ่งเบาภาระงานและลดการพึ่งพาแต่ละฝ่าย ในระบบนิเวศนี้ Google Cloud ถูกวางตำแหน่งให้เป็นพันธมิตรหลักด้านการฝึกโมเดลและผู้ให้บริการคลาวด์ เน้นที่โครงสร้าง TPU เป็นหลัก พร้อมกับใช้งานความสามารถที่เสริมกันในส่วนอื่น เนื่องจากเทคโนโลยี AI พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮาร์ดแวร์เฉพาะทางที่สามารถขยายขีดความสามารถได้จึงเป็นสิ่งสำคัญ ข้อตกลงระหว่าง Anthropic กับ Google เป็นตัวอย่างของแนวโน้มการทำงานร่วมกันอย่างลึกซึ้งระหว่างบริษัท AI และผู้ให้บริการคลาวด์ เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากหน่วยประมวลผลขั้นสูงได้อย่างเต็มที่ ข้อตกลงนี้คาดว่าจะเร่งการฝึกโมเดล AI เพิ่มประสิทธิภาพการใช้งาน และอาจก่อให้เกิดความก้าวหน้าใหม่ ๆ โดยสรุป ข้อตกลงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ระหว่าง Anthropic กับ Google Cloud เป็นก้าวสำคัญในวงการ AI เน้นย้ำความสำคัญของฮาร์ดแวร์บนคลาวด์ที่ทรงพลังสำหรับการพัฒนา AI รุ่นต่อไป การเข้าถึงหน่วย TPU สูงสุดหนึ่งล้านหน่วย มอบความสามารถในการคำนวณในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อนแก่ Anthropic เพื่อขยายโครงการต่าง ๆ และรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขัน ขณะเดียวกันก็เป็นสัญญาณให้เห็นถึงความตั้งใจของ Google ที่จะยืนหยัดเป็นผู้นำในตลาด AI บนคลาวด์ ผ่านกลยุทธ์พันธมิตร เมื่อวิวัฒนาการของเทคโนโลยี AI ยังคงดำเนินต่อไป ความร่วมมือนี้คาดว่าจะกลายเป็นแนวโน้มที่พบเห็นมากขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าในด้านการเรียนรู้ของเครื่อง การประมวลผลภาษาธรรมชาติ การมองเห็นด้วยคอมพิวเตอร์ และกลุ่มเทคโนโลยี AI อื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพาทรัพยากรการคำนวณในระดับมหาศาล ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรมจะจับตามองผลกระทบของการลงทุนครั้งนี้ต่อระบบนิเวศ AI ในวงกว้าง
โมเดลที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AI) ได้เปลี่ยนจากความคาดหวังในอนาคตเป็นบทบาทสำคัญในแคมเปญแฟชั่นชั้นนำ ซึ่งท้าทายให้นักการตลาดต้องสมดุลระหว่างการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติที่ลดต้นทุนกับการเล่าเรื่องที่แท้จริงของมนุษย์ การปล่อยฉบับนิตยสารวีกฤตของอเมริกาเดือนสิงหาคม 2025 ที่นำเสนอโมเดล Guess สมมุติซึ่งมีลักษณะเกินจริง ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรวดเร็วเกี่ยวกับมาตรฐานความงามที่ไม่สมจริง แผนของ H&M ที่จะสร้างโมเดลลูกครึ่งดิจิทัลของโมเดลจริง ๆ ก็ยิ่งเพิ่มความกังวลขึ้น ในการตอบสนอง สมาคมเอเจนซี่นายแบบแฟชั่นอังกฤษ (BFMA) ได้เปิดแคมเปญ “My face is my own” เพื่อเรียกร้องการคุ้มครองทางกฎหมายในการใช้ AI โดยไม่ได้รับอนุญาต บทความนี้จะสำรวจผลกระทบของ AI ต่อการตลาดแฟชั่น แนวคิดจากผู้นำในอุตสาหกรรม และกลยุทธ์ทางจริยธรรมสำหรับนักการตลาดที่ต้องรับมือกับแนวโน้มที่เปลี่ยนแปลงไปนี้ **โมเดล AI สร้างความไม่พอใจในแคมเปญแฟชั่น** แม้แฟชั่นจะเป็นศาสตร์แห่งจินตนาการมานาน แต่โมเดลที่สร้างด้วย AI ในโฆษณาทั่วโลกกลับถูกมองว่าไร้ความเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของมนุษย์จริงๆ การแคมเปญของ Guess ถูกวิจารณ์ไม่เพียงเพราะภาพลักษณ์ที่เหนือจริง แต่ยังเน้นให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่อาจทำให้แบรนด์ข้ามกระบวนการคัดเลือก โมเดล การตัดต่อ และการขออนุญาต ตามที่ H&M ได้ดำเนินการสร้างโมเดลดิจิทัลของโมเดลจริง ๆ ก็ยิ่งทำให้เส้นแบ่งจริยธรรมเบลอขึ้น นักสนับสนุนด้านความสามารถเรียกร้องให้มีการควบคุมเพื่อป้องกันการแสวงหาผลประโยชน์โดยไม่ได้รับความยินยอม หรือไม่ได้รับค่าตอบแทน ทำให้เกิดข้อถกเถียงด้าน AI เป็นปัญหาเชิงปฏิบัติการและกฎหมายที่ร้อนแรงในอุตสาหกรรมนี้ **ความหลากหลายที่แท้จริงยากกว่าที่คิด** แม้ผู้สร้างการตลาดด้านแฟชั่นจะเน้นให้ความสำคัญกับตัวแทนของความหลากหลาย—ทั้งรูปร่าง หน้าตา เชื้อชาติ อายุ และความสามารถ—แต่การใช้ AI กลับทำให้ความครอบคลุมอย่างแท้จริงซับซ้อนขึ้น ลินน์ อง หัวหน้าฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของ YOLO Event Agency กล่าวว่า ความหลากหลายไม่ได้มีแค่ภาพลักษณ์เท่านั้น แต่ยังลึกลงไปถึงการผลิต การวัดขนาด สต็อกสินค้า และการตั้งราคาด้วย ขณะที่ตัวละครเสมือนดิจิทัลสามารถแสดงความหลากหลายบนพื้นผิวในระดับใหญ่ แต่ความครอบคลุมอย่างแท้จริงต้องเข้าใจและรองรับความต้องการของมนุษย์จริง ๆ คริสโตเฟอร์ ดากุยมอล ที่ปรึกษา World Philippine Fashion Week เน้นว่าความครอบคลุมอย่างแท้จริงกลายเป็นความหวังของผู้ชมในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงเป้าหมายชั่วคราว **ศักยภาพด้านสร้างสรรค์และข้อจำกัดด้านอารมณ์ของ AI** AI นำเสนอกับความรวดเร็ว ต้นทุนที่ต่ำ และความสามารถเข้าถึงได้ง่าย ทำให้แบรนด์เล็กสามารถสร้างนวัตกรรมได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม อิมัน ซุลกิฟลี หัวหน้าฝ่ายการตลาดของ Bata ชี้ให้เห็นว่าภาพที่สร้างด้วย AI มักมีความรู้สึกแข็งทื่อ ขาดความอบอุ่นและความไม่แน่นอนที่เป็นธรรมชาติของโมเดลมนุษย์ คริสปิน แฟรนซิส ผู้จัดการประจำประเทศไทยของ Tocco Toscano ยอมรับความก้าวหน้าของ AI และศักยภาพในการทดแทนเต็มรูปแบบ แต่เชื่อว่าอำนาจของแบรนด์และการยอมรับในระดับโลกยังคงเป็นลักษณะเฉพาะของมนุษย์เท่านั้น **สิ่งที่นักการตลาดควรรู้: กลยุทธ์ จรรยาบรรณ และความโปร่งใส** ด้วยความสามารถในการเข้าถึง AI ที่เพิ่มขึ้น นักการตลาดด้านแฟชั่นต้องเผชิญกับการตัดสินใจที่ซับซ้อนทั้งด้านความคิดสร้างสรรค์ จริยธรรม และชื่อเสียง หลักการสำคัญในการนำ AI อย่างรับผิดชอบประกอบด้วย: 1
ประมาณปี 2019 ก่อนที่จะเกิดการเติบโตของ AI ผู้นำระดับ C-suite ส่วนใหญ่กังวลเรื่องหลักในการให้ผู้บริหารฝ่ายขายอัปเดตข้อมูลใน CRM ให้ถูกต้องเท่านั้น แต่วันนี้ ความกังวลเหล่านั้นได้ขยายออกไปพร้อมกับเทคโนโลยีที่พวกเขาใช้ ตอนนี้ผู้นำถามว่า “ผลตอบแทนจากการลงทุนในแพลตฟอร์ม AI สำหรับฝ่ายขายของเราคืออะไร?
ค่าย Krafton ผู้ให้บริการเกมยอดนิยมอย่าง PUBG, Hi-Fi Rush 2 และ The Callisto Protocol ได้ประกาศปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่เพื่อกลายเป็นบริษัทที่เน้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) เป็นหลัก โดยผนวก AI เข้าสู่กระบวนการพัฒนา การดำเนินงาน และกลยุทธ์ทางธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหาในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงความขัดแย้งทางกฎหมายกับทีมพัฒนาหลักของ Subnautica 2 และความล่าช้าของโปรเจกต์ต่าง ๆ ซีอีโอ คิม ชาง-ฮาน เน้นว่าการนำ AI เข้ามาใช้ไม่ใช่แค่การอัปเกรดเทคโนโลยี แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงพื้นฐานที่มุ่งหวังจะขยายขีดความสามารถ เพิ่มความสร้างสรรค์ ปรับปรุงกระบวนการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และเสริมความคล่องตัวในทุกแผนก ตั้งแต่การพัฒนาเกม การมีส่วนร่วมของผู้เล่น ไปจนถึงการตลาดและการผลิต ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป Krafton วางแผนที่จะเปิดตัวโครงการที่ขับเคลื่อนด้วย AI แม้ว่ารายละเอียดเฉพาะจะยังจำกัดอยู่ในตอนนี้ บริษัทมองว่า AI จะสามารถนำมาประยุกต์ใช้ในงานสร้างเนื้อหา การปรับแต่งประสบการณ์ให้กับผู้เล่น และกระบวนการทดสอบอัตโนมัติเพื่อเร่งความเร็วในการพัฒนาเกม อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์และชุมชนเกมยังคงมีความระมัดระวัง คำถามคือ AI จะสามารถส่งเสริมด้านความสร้างสรรค์ที่ต้องการความละเอียดอ่อนและความเข้าใจจากมนุษย์ได้มากแค่ไหน รวมถึงความเสี่ยงทางกฎหมายจากข้อพิพาทในคดี Subnautica 2 ที่อาจส่งผลต่อแผนเหล่านี้ ความขัดแย้งทางกฎหมายนี้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงในด้านความร่วมมือและทรัพย์สินทางปัญญา ซึ่งในบางกรณี AI อาจเป็นเครื่องมือช่วยหรือกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงก็ได้ การเคลื่อนไหวของ Krafton ที่เน้น AI เป็นศูนย์กลางสะท้อนแนวโน้มของอุตสาหกรรมเกมที่ AI ถูกนำมาใช้เพื่อเสริมสร้างการสร้างสรรค์และประสบการณ์ของผู้เล่น เช่น การสร้างเนื้อหาแบบขั้นตอน (procedural content generation) และพฤติกรรม NPC ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อย่างไรก็ตาม ความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ของ Krafton แตกต่างจากนักพัฒนารายอื่นที่ทดลองใช้ AIในด้านที่แคบกว่า ถึงแม้ว่าผู้นำบริษัทจะมองในแง่ดี แต่ก็ยังมีนักวิเคราะห์และชุมชนเกมที่ระมัดระวังเรื่องความเสี่ยง เช่น การพึ่งพาอัตโนมัติมากเกินไป ข้อกังวลด้านจริยธรรม และความท้าทายในการรักษาความเป็นต้นฉบับทางความคิดสร้างสรรค์ท่ามกลางการใช้ AI อย่างหนัก ความสำเร็จของกลยุทธ์ที่เน้น AI ของ Krafton จะขึ้นอยู่กับความสามารถในการดำเนินการอย่างมีประสิทธิภาพและการสมดุลจุดเด่นของ AI กับการดูแลของมนุษย์ โครงการในอนาคต รวมถึงคุณภาพและการตอบรับ จะเป็นตัวบ่งชี้ความจริงจังของการเปลี่ยนแปลงนี้ ผู้เล่นและนักลงทุนต่างจับตามองอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าบริษัทจะสามารถฟื้นฟูพอร์ตโฟลิโอและสร้างความมั่นใจใหม่ได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีครั้งนี้หรือไม่ โดยสรุป การเปลี่ยนมาทำงานโดยเน้น AI ของ Krafton ถือเป็นความพยายามทางกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการเติบโตและนวัตกรรม ท่ามกลางความท้าทายทางกฎหมายและความล่าช้าของโปรเจกต์ แม้ว่าความสำเร็จจะยังไม่ชัดเจน แต่แนวทางที่กล้าหาญนี้อาจพลิกโฉมผลิตภัณฑ์และตำแหน่งในอุตสาหกรรมเกมที่แข็งแกร่งขึ้น ความคืบหน้าในด้านของโครงการ AI ของ Krafton และผลกระทบที่ตามมานั้นยังรอให้วงการเกมได้ติดตามชมอย่างใกล้ชิด
บริษัทไมโครซอฟท์ คอร์ปอเรชั่น รายงานผลประกอบการไตรมาสที่แข็งแกร่ง โดยยอดขายเพิ่มขึ้น 18 เปอร์เซ็นต์ เป็นมูลค่า 77
Launch your AI-powered team to automate Marketing, Sales & Growth
and get clients on autopilot — from social media and search engines. No ads needed
Begin getting your first leads today