lang icon Thai

All
Popular
June 2, 2025, 6:55 a.m. เอไอในค้าปลีก: ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างรวดเร็ว โดยสร้างความเปลี่ยนแปลงสำคัญในวิธีที่ธุรกิจมีส่วนร่วมกับลูกค้าและจัดการกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยเทคโนโลยี AI ขั้นสูง ผู้ค้าปลีกรุ่นใหม่สามารถปรับแต่งประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าที่เคย นำเสนอคำแนะนำสินค้าแบบส่วนตัวและกลยุทธ์การตลาดที่ตรงใจลูกค้าแต่ละราย วิธีหนึ่งที่ AI กำลังเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าปลีกคือความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเป็นจำนวนมาก ด้วยการศึกษาพฤติกรรมการซื้อ การท่องเว็บ และความชอบ ระบบ AI สามารถคาดการณ์สินค้าที่ลูกค้าน่าจะสนใจ ความสามารถนี้ช่วยให้ผู้ค้าปลีกสามารถเสนอคำแนะนำสินค้าได้ตรงกลุ่มเป้าหมาย เพิ่มประสบการณ์การช็อปปิ้งและเพิ่มโอกาสในการซื้อสินค้า นอกจากนี้ AI ยังสนับสนุนการสร้างแคมเปญตลาดเป้าหมาย โดยไม่พึ่งพาโฆษณาทั่วไปแต่ใช้ข้อมูลเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วย AI เพื่อสร้างข้อความที่เป็นส่วนตัวและปรับแต่งให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าเฉพาะ วิธีนี้ไม่เพียงแต่ทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น แต่ยังสร้างความภักดีและความสนใจของลูกค้าได้แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย นอกจากการใช้งานเพื่อบริการลูกค้าแล้ว AI ยังมีบทบาทสำคัญในการปรับปรุงการดำเนินงานด้านการค้าปลีกด้วย ตัวอย่างเช่น การจัดการสต็อกสินค้าซึ่งได้รับประโยชน์อย่างมากจากความสามารถในการพยากรณ์ล่วงหน้าของ AI ด้วยการทำนายความต้องการจากยอดขายในอดีตและแนวโน้มตลาด ทำให้ผู้ค้าปลีกสามารถรักษาระดับสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ลดต้นทุนจากสินค้าสั่งซื้อเกินและของหมดสต็อก ผลที่ได้คือการประหยัดต้นทุนและให้ลูกค้าพบสินค้าที่ต้องการได้ตามเวลา นอกจากนี้ ระบบอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI ยังช่วยให้การดำเนินงานต่าง ๆ เป็นไปอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ตั้งแต่โลจิสติกส์ห่วงโซ่อุปทานไปจนถึงกลยุทธ์ด้านราคา ผู้ค้าปลีกสามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด ปรับราคาสินค้าแบบเรียลไทม์ และเพิ่มประสิทธิภาพโดยรวม การบูรณาการ AI เข้าสู่การค้าปลีกเป็นการเปลี่ยนทิศทางสู่แนวทางที่มุ่งข้อมูลและลูกค้าเป็นศูนย์กลางมากขึ้น ผู้ค้าปลีกที่นำเทคโนโลยีเหล่านี้มาใช้จะสามารถรองรับความคาดหวังของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป ที่ต้องการประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวและราบรื่น ในขณะที่เทคโนโลยี AI ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ผลกระทบต่อการค้าปลีกก็มีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น นวัตกรรมเช่น ผู้ช่วยส่วนตัวอัจฉริยะใน AI การช็อปปิ้งด้วยความเป็นจริงเสริม และวิเคราะห์ข้อมูลขั้นสูง จะยังคงพลิกโฉมวิธีที่ผู้ค้าปลีกเชื่อมต่อกับลูกค้าและบริหารธุรกิจ โดยสรุปแล้ว ปัญญาประดิษฐ์กลายเป็นแรงผลักดันสำคัญในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมค้าปลีก ด้วยการนำ AI มาใช้เพื่อปรับแต่งประสบการณ์และปรับปรุงการดำเนินงาน ผู้ค้าปลีกสามารถเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า กระตุ้นยอดขาย และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันในตลาดดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

June 2, 2025, 5:18 a.m. การค้นหายาโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์: การเปลี่ยนเกมในงานวิจัยทางเภสัชกรรม

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเภสัชกรรมอย่างลึกซึ้ง โดยเฉพาะในกระบวนการค้นคว้ายาเสพติดแบบใหม่ อย่างเดิม กระบวนการระบุยาใหม่ใช้เวลานานและมีค่าใช้จ่ายสูง มักต้องการการวิจัยและการทดสอบหลายปี แต่ในขณะที่เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาท การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยีอัลกอริทึม AI สามารถประมวลข้อมูลจำนวนมาก ตั้งแต่ข้อมูลชีวภาพ โครงสร้างทางเคมี ไปจนถึงข้อมูลเชิงคลินิก เพื่อทำนายว่าสารประกอบต่างๆ อาจมีปฏิสัมพันธ์กับเป้าหมายทางชีวภาพใดบ้าง ความสามารถนี้ช่วยให้นักวิจัยสามารถระบุสารที่มีแนวโน้มเป็นยาที่ดี จากตัวเลือกมากมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ AI ในการค้นคว้ายาเร่งกระบวนการในช่วงแรกของงานวิจัยเภสัชกรรม โดยการจำลองและทำนายปฏิสัมพันธ์ของโมเลกุลและผลทางชีวภาพ ทำให้ลดการพึ่งพาการทดลองในห้องปฏิบัติการที่ใช้เวลานานและวิธีการแบบทดลองผิดทดลองถูก การเร่งกระบวนการนี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดระยะเวลาในการพัฒนายา แต่ยังช่วยลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยและพัฒนา ผลลัพธ์คือ บริษัทเภสัชกรรมสามารถจัดสรรทรัพยากรได้ดีขึ้น โดยเน้นไปที่สารประกอบที่มีโอกาสสำเร็จสูงขึ้น นอกเหนือจากการเร่งความเร็วในการค้นพบย่าแล้ว AI ยังเปิดโอกาสให้ทีมนักวิจัยสามารถทำได้มากขึ้น ยาและโรคที่เคยเป็นเรื่องยากในการรักษาด้วยกลไกทางชีวภาพซับซ้อนหรือเป้าหมายทางยา limitที่จะเป็นเพียงบางอย่างเท่านั้น จะได้รับประโยชน์อย่างมากจากศักยภาพของ AI ในการบูรณาการและวิเคราะห์ข้อมูลหลากหลายชนิด ซึ่งอาจเปิดทางให้เห็นโอกาสในการบำบัดใหม่ๆ ที่นำไปสู่ความก้าวหน้าในการรักษาโรคที่แพทย์ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีเดิมนานหลายสิบปี ผู้เชี่ยวชาญในสาขาเภสัชกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพ คาดการณ์ว่า การค้นคว้ายาด้วย AI จะกลายเป็นแนวปฏิบัติปกติในอนาคต เมื่อเทคโนโลยีพัฒนาขึ้นและโมเดลคอมพิวเตอร์มีความแม่นยำมากขึ้น การรักษาที่ปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคลจะได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง AI จะสนับสนุนการสร้างแนวทางการรักษาที่เจาะจงตามข้อมูลส่วนตัวของผู้ป่วย ประสิทธิผลจะดีขึ้นและผลข้างเคียงน้อยลง แนวทางการแพทย์แบบเฉพาะบุคคลนี้เป็นวิวัฒนาการที่น่าหวังในวงการการดูแลสุขภาพ มุ่งหวังที่จะส่งมอบการรักษาที่เหมาะสมและตอบโจทย์เฉพาะบุคคลแต่ละคนตามพันธุกรรมและลักษณะสุขภาพ นอกจากนี้ ความร่วมมือระหว่างผู้เชี่ยวชาญด้าน AI นักชีววิทยา นักเคมี และแพทย์ ก็เสริมสร้างกลยุทธ์การพัฒนายาอย่างสร้างสรรค์ การผสมผสานความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านกับเทคนิคคอมพิวเตอร์ล้ำสมัย ทำให้ได้โมเดลที่แข็งแรงและสามารถนำไปใช้ได้จริง การร่วมมือระหว่างความรู้ของมนุษย์และการเรียนรู้ของเครื่องเป็นหัวใจสำคัญในการแก้ไขความซับซ้อนของชีววิทยามนุษย์และโรคภัยไข้เจ็บ แม้จะยังคงเผชิญกับความท้าทาย เช่น คุณภาพข้อมูล ความโปร่งใสของอัลกอริทึม และอุปสรรคด้านกฎหมาย แต่การสนับสนุนให้เทคโนโลยี AI เข้ามามีบทบาทยังคงแข็งแกร่ง ความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องในด้านการเรียนรู้ของเครื่อง การประมวลภาษาธรรมชาติ และการวิเคราะห์ข้อมูล ยังคงพัฒนากระบวนการค้นคว้ายาให้ดีขึ้น บริษัทเภสัชกรรมที่ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและบุคลากรด้าน AI ก็พร้อมที่จะเป็นผู้นำในยุคใหม่ของการแพทย์ โดยสรุปแล้ว ปัญญาประดิษฐ์กำลังปฏิวัติวงการวิจัยเภสัชกรรม โดยทำให้การค้นคว้ายาเสพติดรวดเร็วขึ้น คุ้มทุนมากขึ้น และมีความคิดสร้างสรรค์มากขึ้น เทคโนโลยีนี้ถือเป็นความหวังในการเปิดเสริมทางรักษาใหม่ๆ และพัฒนาผลลัพธ์ของผู้ป่วยผ่านแนวทางการแพทย์ที่ปรับแต่งให้เหมาะสมเฉพาะบุคคล เมื่อ AI พัฒนาขึ้นต่อไป บทบาทในอุตสาหกรรมเภสัชกรรมจะเติบโตมากขึ้น นำพาเข้าสู่ยุคใหม่ของนวัตกรรมด้านสุขภาพ

June 2, 2025, 3:07 a.m. บิทบิตยืนยันการโจรกรรมคริปโตมูลค่า 1

การแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซี Bybit เมื่อไม่นานมานี้ได้ยืนยันเหตุการณ์ช่องโหว่ด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ ส่งผลให้มีการขโมยคริปโตเคอร์เรนซีมูลค่ากว่า 1

June 2, 2025, 3:03 a.m. เอไอในค้าปลีก: ยกระดับประสบการณ์ลูกค้า

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมค้าปลีกอย่างลึกซึ้ง โดยการเปลี่ยนแปลงวิธีที่ธุรกิจมีส่วนร่วมกับลูกค้า จัดการสินค้าคงคลัง และทำนายความต้องการ ด้วยเทคโนโลยี AI ผู้ค้าปลีกจึงสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวสูง ซึ่งช่วยเสริมความพึงพอใจของลูกค้าและผลักดันการเติบโตของยอดขาย นวัตกรรมสำคัญที่ AI นำเข้ามาในค้าปลีกคือ ระบบแนะนำสินค้าที่ฉลาด ระบบเหล่านี้วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าจำนวนมาก รวมถึงประวัติการเรียกดู พฤติกรรมการซื้อ และความชอบส่วนตัว เพื่อเสนอแนะสินค้าที่เหมาะสม การปรับแต่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าที่มีแนวโน้มจะซื้อเท่านั้น แต่ยังเพิ่มรายได้ให้กับผู้ค้าปลีกด้วยการเพิ่มมูลค่าการทำธุรกรรมเฉลี่ยและส่งเสริมการซื้อซ้ำ นอกจากระบบแนะนำสินค้าที่เป็นส่วนตัวแล้ว แชทบอทที่ขับเคลื่อนด้วย AI ก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการให้บริการสนับสนุนลูกค้าแบบเรียลไทม์ ผู้ช่วยเสมือนเหล่านี้สามารถตอบคำถามในหลายด้าน ตั้งแต่รายละเอียดสินค้า การติดตามคำสั่งซื้อ ไปจนถึงการแก้ไขปัญหา โดยการอัตโนมัติฟังก์ชั่นในการบริการลูกค้ารูปแบบพื้นฐาน แชทบอทจึงช่วยปรับปรุงคุณภาพและประสิทธิภาพของการบริการ ลดเวลารอคอย และให้เจ้าหน้าที่มนุษย์สามารถมุ่งเน้นไปที่ปัญหาที่ซับซ้อนกว่า การมีปฏิสัมพันธ์ราบรื่นนี้ช่วยเสริมสร้างความจงรักภักดีของลูกค้าและปรับปรุงประสบการณ์การช็อปปิ้งโดยรวม AI ยังเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานด้านหลังบ้านของธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก การจัดการสินค้าคงคลังได้รับความก้าวหน้าผ่านการวิเคราะห์และอัตโนมัติที่ขับเคลื่อนด้วย AI นักค้าปลีกใช้อัลกอริทึม AI ในการติดตามระดับสินค้าอย่างต่อเนื่อง ทำนายความต้องการของสินค้าได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น และตัดสินใจเกี่ยวกับการเติมสต๊อกและการกระจายสินค้าอย่างชาญฉลาด ผลลัพธ์คือการหมุนเวียนสินค้าคงคลังอย่างเหมาะสม ลดการขาดแคลนและสต๊อกเกิน ความสามารถในการทำนายความต้องการด้วย AI ช่วยให้ซัพพลายเชนมีความคล่องตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและฤดูกาลได้ดีขึ้น สุดท้ายนี้ การใช้ AI ทำให้เกิดความสามารถในการสร้างรายได้ที่สูงขึ้นและความสามารถในการทำกำไรในระยะยาว เมื่อเทคโนโลยี AI พัฒนาขึ้น ผลกระทบของมันในอุตสาหกรรมค้าปลีกก็จะเติบโตต่อไป ตัวอย่างแอปพลิเคชัน AI ใหม่ ๆ ได้แก่ ห้องลองเสื้อเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยีเสมือนจริง (augmented reality) เพื่อช่วยให้ลูกค้าจินตนาการถึงสินค้าก่อนซื้อ โมเดลราคาที่ปรับเปลี่ยนแบบไดนามิกตามความต้องการและการแข่งขัน และระบบตรวจจับการฉ้อโกงขั้นสูงเพื่อรักษาความปลอดภัยในการทำธุรกรรม นอกจากนี้ การผนวก AI เข้ากับอุปกรณ์อินเทอร์เน็ตของสิ่งของ (IoT) ภายในร้านค้าสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่ฉลาดขึ้น ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนแสงสว่าง ดนตรี และโปรโมชั่นโดยอัตโนมัติตามพฤติกรรมของผู้ช็อปปิ้ง การพัฒนา AI อย่างต่อเนื่องในอุตสาหกรรมค้าปลีกถือเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ ไม่เพียงเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่เป็นส่วนตัวและน่าดึงดูดใจตรงกับความคาดหวังของผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน ผู้ค้าปลีกที่นำเทคโนโลยี AI มาใช้จะได้เปรียบในตลาดดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเป็นประโยชน์ทั้งต่าธุรกิจและลูกค้า โดยรวมแล้ว ปัญญาประดิษฐ์คือแรงผลักดันสำคัญของนวัตกรรมและการเติบโตในภาคการค้าปลีกระดับโลก ซึ่งจะนำไปสู่อนาคตที่การช็อปปิ้งกลายเป็นประสบการณ์ที่เป็นธรรมชาติ สะดวก และปรับให้เข้ากับความต้องการของแต่ละบุคคลมากยิ่งขึ้น

June 2, 2025, 1:35 a.m. ปัญญาประดิษฐ์ในอุตสาหกรรมการผลิต: การเพิ่มประสิทธิภาพกระบวนการผลิต

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) กำลังกลายเป็นสิ่งสำคัญที่มีบทบาทในการปฏิวัติอุตสาหกรรมการผลิตด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิตและเสริมสร้างประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ผู้ผลิตทั่วโลกกำลังนำเทคโนโลยี AI มาใช้เพื่อเฝ้าระวังประสิทธิภาพของอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง คาดการณ์ความต้องการซ่อมบำรุงเชิงรุก และปรับตารางการผลิตแบบไดนามิกในเวลาจริง เพื่อให้ลดเวลาหยุดทำงานและเพิ่มผลผลิตโดยรวม ข้อได้เปรียบสำคัญของการบูรณาการ AI เข้ากับอุตสาหกรรมการผลิตคือความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลซัพพลายเชนจำนวนมาก เพื่อค้นหาจุดคับขันและความไม่สมบูรณ์ต่าง ๆ โดยการระบุปัญหาเหล่านี้ AI สามารถแนะนำแนวทางปรับปรุงที่สามารถดำเนินการได้เพื่อให้กระบวนการเป็นไปอย่างราบรื่น ลดต้นทุน และเร่งเวลาการผลิต ซึ่งนำไปสู่การประหยัดต้นทุนอย่างมากในบริษัท คุณภาพผลิตภัณฑ์ดียิ่งขึ้น และการเข้าสู่ตลาดได้อย่างรวดเร็วขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในตลาดโลกที่แข่งขันกันอย่างสูงในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ การบำรุงรักษาเชิงพยากรณ์ด้วย AI ช่วยให้ผู้ผลิตสามารถป้องกันความล้มเหลวของอุปกรณ์อย่างไม่คาดคิด ซึ่งอาจก่อให้เกิดการหยุดชะงักของการผลิตและต้นทุนสูง โดยการใช้ อัลกอริธึมการเรียนรู้ของเครื่องในการวิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพ ผู้ผลิตสามารถทำนายความล้มเหลวของเครื่องจักรในอนาคตและวางแผนซ่อมบำรุงไว้ล่วงหน้า วิธีนี้ทำให้เปลี่ยนจากการซ่อมแซมแก้ไขปัญหาเป็นการซ่อมแซมเชิงพยากรณ์ ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ ลดค่าใช้จ่ายการซ่อม และลดเวลาหยุดทำงานโดยไม่ได้วางแผน ทั้งนี้ แม้จะมีข้อดีมากมาย ผู้ผลิตก็ยังต้องเผชิญกับความท้าทายในการใช้ AI อย่างเต็มที่ อุปสรรคสำคัญประการหนึ่งคือการบูรณาการข้อมูล เนื่องจากสภาพแวดล้อมการผลิตมักประกอบด้วยระบบที่หลากหลายและเครื่องจักรเก่าที่ขาดการเชื่อมต่ออย่างไร้รอยต่อ การรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ เข้าสู่แพลตฟอร์มเดียวกันเป็นสิ่งสำคัญในการวิเคราะห์โดยใช้ AI แต่ก็ต้องลงทุนและมีความเชี่ยวชาญทางเทคนิคอย่างมาก อีกปัจจัยสำคัญคือการฝึกอบรมพนักงาน เนื่องจาก AI กำลังเปลี่ยนแปลงการบริหารจัดการโรงงาน พนักงานจำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ เพื่อใช้งานระบบ AI และตีความผลลัพธ์อย่างแม่นยำ การลงทุนในการฝึกอบรมอย่างละเอียดเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้ง การดำเนินมาตรการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างเข้มงวดก็เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อปกป้องข้อมูลการผลิตที่สำคัญและคุ้มครองให้พ้นจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ การเชื่อมต่อของอุปกรณ์การผลิตผ่านอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT) ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยมากขึ้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่องค์กรต้องบังคับใช้นโยบายความปลอดภัยที่เข้มงวดและการเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพื่อรักษาความปลอดภัยให้แก่การดำเนินงาน สรุปแล้ว การบูรณาการ AI เข้ากับกระบวนการผลิตสามารถนำมาซึ่งประโยชน์อันเปลี่ยนแปลงได้ เช่น ประสิทธิภาพที่ดีขึ้น การลดต้นทุน และคุณภาพสินค้าในระดับสูง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดจาก AI ผู้ผลิตต้องจัดการกับความท้าทายในด้านการบูรณาการข้อมูล การเตรียมความพร้อมของแรงงาน และความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยการดำเนินการเชิงรุกเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ บริษัทสามารถใช้ AI เป็นเครื่องมือสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และส่งเสริมความเป็นนวัตกรรมในภาคการผลิตได้อย่างยั่งยืน

June 2, 2025, 1:30 a.m. ข่าว RWA, AVAX: เขตในนิวเจอร์ซีย์เตรียมแปลงบันทึกทรัพย์สินมูลค่า 240 พันล้านดอลลาร์เป็นโทเคนบนแพลตฟอร์ม Avalanche

เทศบาลเบอร์เกนเคาน์ตี้ รัฐนิวเจอร์ซีย์ กำลังนำเครือข่าย Avalanche มาใช้ในการนำระบบบันทึกข้อมูลทรัพย์สินทั้งหมดของตนเข้าสู่บล็อกเชน โดยอ้างว่านี่เป็นโครงการโทเคนรีวิวโฉนดทรัพย์สินที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ผ่านข้อตกลงระยะเวลาห้าปีกับบริษัทบล็อกเชนบันทึกที่ดิน Balcony เทศบาลที่ร่ำรวยแห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่ข้ามแม่น้ำฮัดสันจากนิวยอร์ก ซิตี้ จะทำการโอนโฉนดทรัพย์สินจำนวน 370,000 ฉบับ ซึ่งคิดเป็นมูลค่าประมาณ 240 พันล้านดอลลาร์ในอสังหาริมทรัพย์ ขึ้นสู่บันทึกบล็อกเชนที่ไม่สามารถแก้ไขและค้นหาได้ ตามแถลงการณ์ ระบบนี้ซึ่งขับเคลื่อนโดย Avalanche จะให้บริการประชากรเกือบหนึ่งล้านคนใน 70 เทศบาล “โครงการนี้เป็นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนของเรา” จอห์น โฮแกน ผู้จัดการเทศบาลเบอร์เกนเคาน์ตี้ กล่าวว่า “ด้วยการแปลงข้อมูลทรัพย์สินเป็นดิจิทัล เรากำลังทำให้กระบวนการง่ายขึ้น เร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งขึ้นสำหรับเจ้าของบ้าน ธุรกิจ และรุ่นต่อไปในอนาคต” ความพยายามนี้อยู่ในแนวทางของการใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชนเพื่อการโอนและบันทึกความเป็นเจ้าของของสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น พันธบัตร กองทุน และอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเรียกกระบวนการนี้ว่าการโทเคนรีวิวทรัพย์สินในโลกจริง (RWA) รายงานล่าสุดโดย Boston Consulting Group และ Ripple คาดว่า ตลาดโทเคนของสินทรัพย์ที่ถูกแปลงเป็นดิจิทัลอาจแตะ 18